วิกฤติน้ำมันรั่ว ฉุด "ไทยออยล์" ดำดิ่ง จุดนี้แค่พัก หรือ จุดเปลี่ยนยาว ?
พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก! วิกฤติน้ำมันรั่ว SBM-2 ศรีราชา "ไทยออยล์" เอาอยู่! 5 โบรกประเมินผลกระทบจำกัด หุ้นดิ่งชั่วคราวมีแนวโน้มฟื้นตัว สวนทางผลประกอบการครึ่งปีหลังอ่อนแอ เคาะกรอบราคา 22-34 บาท
KEY
POINTS
- พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก! วิกฤติน้ำมันรั่ว SBM-2 ศรีราชา "ไทยออยล์" เอาอยู่!
- 5 โบรกประเมินผลกระทบจำกัด หุ้นดิ่งชั่วคราวมีแนวโน้มฟื้นตัว
- สวนทางผลประกอบการครึ่งปีหลังอ่อนแอ เคาะกรอบราคา 22-34 บาท
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 25 เวลา 23:54 น. เกิดเหตุการณน้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่น SBM‑2 ของท่าเรือกลางทะเลใกล้ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งเชื่อมต่อกับเรือบรรทุกน้ำมัน Phoenix Jamnagar สัญชาติสิงคโปร์
สาเหตุหลักมาจาก "คลื่นสูงและลมแรงฉับพลัน ทำให้ระบบ Breakaway Coupling ของทุ่นทำงานป้องกันไว้ตามมาตรฐาน แต่ระหว่างการปิดวาล์วก็มีน้ำมันบางส่วนรั่วไหลประมาณ 20 ตัน"
"บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP" ได้ระงับการส่งน้ำมันทันทีและเปิดแผนฉุกเฉินทันที่มีการวาง booms ล้อมรอบพื้นที่รั่วไว้ล่วงหน้า และใช้สารเคมี (dispersant) พร้อมทั้ง skimmers และspray arm เข้าช่วยระงับ พร้อมสนับสนุนจากกรมเจ้าท่าทีัพเรือและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ต่อมา TOP แจ้งว่าสถานการณ์คลี่คลายแล้วตั้งแต่เย็นวันที่ 6 มิ.ย.68 เวลา 17.00 น. โดยไม่พบคราบน้ำมันเพิ่มเติม ราวกับว่าควบคุมสถานการณ์ได้เรียบร้อย ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายต่อโครงสร้างทุ่น SBM‑2 โรงกลั่นยังคงเดินเครื่องตามปกติ
TOP ยืนยันว่าการรั่วครั้งนี้ ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือชุมชน และมีประกันภัยครอบคลุมทั้งประกันภัยสิ่งแวดล้อมและบุคคลภายนอก
ความคุ้มครองจากประกันภัยครอบคลุม ดังนี้
- ประกันภัยความเสียหายทุกกรณี วงเงินคุ้มครอง 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ประกันภัยความรับผิดตอบุคคลภายนอก วงเงินคุ้มครอง 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐวงเงินรับผิดชอบส่วนแรก 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ
- ประกันภัยความรับผิดด้านมลภาวะตามกฎหมาย วงเงินคุ้มครอง 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีวงเงินรับผิดชอบส่วนแรก 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ประกันภัยการขนส่งทางทะเล วงเงินคุ้มครอง 310 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หักค่าเสียหายส่วนแรก 0.5%
ฝ่ายวิจัย บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส ประเมินต้นทุนเพิ่มเติมสูงสุดที่ TOP อาจต้องรับจากเหตุการณ์ SBM-2 จะอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 9% ของคาดการณ์กำไรสุทธิปี 68 ในปัจจุบัน คงคำแนะนำ “Fully Valued” ให้ราคาพื้นฐานไว้ที่ 22 บาท
แม้ราคาหุ้น TOP ได้สะท้อนปัจจัยลบไปบางส่วนแล้ว แต่ฝ่ายวิจัยยังคงความระมัดระวังต่อผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปี 68 จากผลกระทบของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กลุ่มอะโรเมติกส์ที่ลดลง และการหยุดซ่อมบำรุง CDU3 เป็นเวลา 40 วัน
บล.เคจีไอ ปรับลดราคาเป้าหมายปี 2568 เป็น 33 บาท จาก 35 บาท อิงจาก adjusted EV/EBITDA ที่ 6.5 เท่า เพื่อสะท้อนถึงการปรับลดประมาณการกำไร และหัก discount 5% สำหรับความกังวลที่เกี่ยวข้องกับประเด็น ESG
แม้ว่ากรณีน้ำมันรั่วนี้จะเกิดจากการที่คลื่นสูงและลมพัดแรงกะทันหัน แต่ฝ่ายวิเคราะห์อยากเห็นบริษัทดำเนินมาตรการเชิงป้องกันที่เข้มแข็งขึ้นกว่านี้ เพราะกรณีนี้เป็นการรั่วครั้งที่สองแล้วในรอบสองปี แต่คงคำแนะนำซื้อ
บล.ลิเบอเรเตอร์ มองบวกขึ้นหลังประชุมนักวิเคราะห์ แต่คงต้องรอการอนุมัติการกลับมาใช้งานอีกครั้งซึ่งคาดจะไม่ใช้เวลานานอย่างคราวก่อนความแตกต่างของเหตุการณ์ก่อนหน้า คือ รอบที่แล้วมีน้ำมันรั่วถึง 60 คิว และน้ำมันดิบรั่วบริเวณทุ่นผูกเรือ (SBM2) ทำให้การซ่อมแซมจะใช้เวลานานกว่าปกติ และใช้เวลา 1 ปี ถึงกลับมาใช้งานได้ตามปกติ
การบันทึกความเสียหายที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบันยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะมีจำนวนมากน้อยเพียงใด แต่คาดว่าน่าจะน้อยกว่าคราวก่อนซึ่งบันทึกไว้ราว 200 ล้านบาท แต่ได้เงินคืนจากประกัน 170 ล้านบาท
ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ความเสียหายอาจไม่มากเท่า แต่เบื้องต้นก่อนที่จะกลับมาใช้งาน SBM2 ได้ จะเกิดค่าใช้จ่ายการขนส่งชั่วคราวแบบ ship-to-ship 0.5 เหรียญ/บาร์เรล
ราคาหุ้น TOP ทรุดแรง -5.2% จากความกังวลขนาดของผลกระทบ ซึ่งข้อมูลล่าสุดไม่รุนแรงเหมือนก่อนหน้า ทำให้เชื่อว่าในระยะสั้นหุ้นควรฟื้นตัวได้ แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 34 บาท
บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า เหตุการณ์น้ำมันรั่วของ TOP ครั้งนี้แม้จะส่งผลด้านลบในเชิงจิตวิทยาต่อนักลงทุนในระยะสั้น แต่เมื่อพิจารณาในเชิงพื้นฐานแล้ว ความเสียหายมีขนาดจำกัดและระบบความปลอดภัยทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปริมาณน้ำมันที่รั่วมีน้อยกว่าครั้งก่อนมาก
และไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของโรงกลั่นหรือแผนผลิตหลัก นอกจากนี้ บริษัทยังมีประกันภัยครอบคลุมในทุกด้าน ทำให้ความเสี่ยงทางการเงินอยู่ในระดับตํ่าราคาหุ้นที่ปรับลดลง
ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินว่า Overreact เกินไป เมื่อครั้งที่เกิดเหตุการณ์น้ำมันรั่ว 6หมื่นลิตร เมื่อวันที่ 3ก.ย.66 ราคาหุ้นลงไประมาณ 5% ในครั้งนี้รั่วประมาณ 8 พันลิตรแต่ราคาหุ้นลงไปประมาณ 5% ขณะที่ผลกระทบมีจำกัดจึงคงราคาเป้าหมายที่ 32 บาท พร้อมแนะนำซื้อเก็งกำไร
บล.ฟิลลิป ระบุว่าปัจจุบันทางฝ่ายอยู่ระหว่างติดตามผลกระทบที่จะเกิดขึ้นสำหรับเหตุการณ์นี้ อย่างไรก็ตามยังคงราคาพื้นฐานที่ 30 บาท และคงคำแนะนำ "ซื้อ" เนื่องจากมองว่าราคาหุ้นปรับตัวลงมาสะท้อนปัจจัยลบนี้แล้วพอสมควร
ประกอบกับน่าจะมีปัจจัยชดเชยกำไรได้จากทิศทางราคาน้ำมันและค่าการกลั่นเริ่มมีสัญญาณปรับขึ้นตามความกังวลด้านอุปทานในตลาดโลก
รวมถึงประเด็นบวกจากการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์กับสีจิ้นผิงซึ่งอาจช่วยหนุนความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และส่งผลเชิงบวกต่อการค้าโลกและอุปสงค์น้ำมันในระยะถัดไป