posttoday

เรื่องไม่จบ! "ทรัมป์" ยื่นอุทธรณ์หลังศาลสั่งเบรกภาษีการค้า

29 พฤษภาคม 2568

ศาลสหรัฐสั่งยกเลิก Trump Tariffs อย่างเป็นทางการ "ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย" ชี้ขึ้นภาษีต้องมีเหตุผล ไม่ใช่แค่อารมณ์ จับตา "ทรัมป์" ยื่นอุทธรณ์ ความไม่แน่นอนยังคงอยู่

KEY

POINTS

  • ศาลการค้าสหรัฐฯ สั่งยกเลิก Trump Tariffs อย่างเป็นทางการ
  • "ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย" ชี้ขึ้นภาษีต้องมีเหตุผล ไม่ใช่แค่อารมณ์
  • จับตา "ทรัมป์" ยื่นอุทธรณ์ ความไม่แน่นอนยังคงอยู่

ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย กรรมการผู้จัดการ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) โพสต์บทความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีที่ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯมีคำตัดสินว่ามาตรการการเก็บภาษีศุลกากรทั่วโลกของ "ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์" ภายใต้ชื่อ Liberation Day ถือว่าขัดต่อกฎหมายและเกินขอบเขตอำนาจของประธานาธิบดีภายใต้กฎหมาย IEEPA

โดยระบุว่า แม้เรื่องนี้ยังไม่จบ แต่เป็นบทพิสูจน์ว่าคุณภาพของสถาบัน และความสามารถในการคานอำนาจอธิปไตยของสหรัฐ ยังมีอยู่ 

ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (U.S. Court of International Trade – CIT) มีคำพิพากษาครั้งสำคัญในคดีที่กลุ่มผู้นำเข้าเอกชนและ 13 รัฐในสหรัฐฯ ยื่นฟ้องรัฐบาลกลาง กรณีประธานาธิบดีทรัมป์ใช้อำนาจภายใต้กฎหมายภาวะฉุกเฉินเศรษฐกิจ (IEEPA) เพื่อออกคำสั่งเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากทั่วโลกแบบ “จัดหนัก” โดยไม่มีขั้นตอนตามกฎหมายการค้าปกติ

🧾 คำสั่งภาษีที่ถูกตีตก

1. “Trafficking Tariffs”

 • ภาษี 25% กับเม็กซิโกและแคนาดา, 20% กับจีน

 • อ้างว่า 3 ประเทศนี้ “ปล่อยยาเสพติดหลุดเข้าสหรัฐ” และ “ละเลยความมั่นคงชายแดน”

2. “Worldwide Tariffs” และ “Retaliatory Tariffs”

 • เก็บ 10% กับสินค้าทุกประเทศทั่วโลก

 • และเพิ่มเป็น 50% กับ 57 ประเทศ “ที่ขึ้นภาษีตอบโต้สหรัฐ”

 • อ้างว่า “ดุลการค้าไม่เป็นธรรม” เป็นภัยต่อเศรษฐกิจของชาติ

⚖️ ศาลตัดสินว่าอย่างไร ?

 • กฎหมาย IEEPA ไม่ได้ให้อำนาจประธานาธิบดีใช้ขึ้นภาษีแบบกว้างขวางเช่นนี้

 • ภาษีต้อง “deal with” ภัยคุกคามโดยตรง ไม่ใช่ใช้เพื่อกดดันให้ประเทศอื่น “หันมาเจรจา”

 • การใช้คำว่า “ภาวะฉุกเฉิน” เพื่อเลี่ยงขั้นตอนปกติของกฎหมายการค้า ขัดหลักรัฐธรรมนูญ

 • ศาลอ้างอิงหลักการ separation of powers, nondelegation doctrine, และ major questions doctrine

 • สรุป: การเก็บภาษีเป็นอำนาจของรัฐสภา ไม่ใช่ของประธานาธิบดีฝ่ายเดียว

🛑 ผลของคำพิพากษา

 • ศาล ยกเลิกคำสั่งภาษีทั้งหมด (vacate)

 • สั่ง ห้ามรัฐบาลใช้คำสั่งนี้เก็บภาษีต่อไป

 • ผู้นำเข้าที่เสียภาษีไปแล้ว ยังไม่ได้คืนอัตโนมัติ แต่สามารถยื่นขอคืนเป็นกรณีๆได้

แน่นอนว่า Trump ไม่ปล่อยให้ศาลล้มนโยบายแบบง่ายๆแน่ๆ ล่าสุดทำเนียบขาวยื่นอุทธรณ์เรียบร้อยแล้ว ละอาจจะต้องไปถึงศาลฎีกาก็ได้ ความไม่แน่นอนเลยยังอยู่กับเราอีกสักพัก และทำเนียบขาวก็มีทางเลือกอื่น เช่น 

1. ออกคำสั่งภาวะฉุกเฉินใหม่ ที่มีเหตุผลและขอบเขตชัดเจนมากขึ้น แต่ก็ยาก เพราะศาลบอกแล้วว่าต้องบอกว่ามันฉุกเฉินจริงๆ และอำนาจก็ไม่ได้ครอบจักรวาล

2. ใช้กฎหมายการค้าอื่น เช่น Section 301 หรือ Section 232 ที่มีขั้นตอนรองรับ คล้ายกับที่เคยทะเลาะกับจีนสมัย trade war 1.0 แต่ก็ต้องมีการพิสูจน์ทีละประเทศ และอาจจะต้องทำทีละผลิตภัณฑ์

3. ขออำนาจเพิ่มเติมจากรัฐสภา ผ่านกระบวนการนิติบัญญัติ (แต่การเมืองอาจไม่เอื้อ)

📍 บทสรุป

คำพิพากษาครั้งนี้ถือเป็น “เบรกมือฉุกเฉิน” ที่สำคัญต่อการใช้อำนาจฝ่ายบริหารในนโยบายการค้า

“นโยบายการค้าระหว่างประเทศ ไม่ควรเปลี่ยนแปลงตามอารมณ์หรือกลยุทธ์การเมืองในแต่ละช่วงเวลา”

หากศาลไม่ยับยั้งคำสั่งเหล่านี้ไว้ เราอาจเห็นการใช้คำว่า “ภัยคุกคาม” เป็นข้ออ้างเพื่อออกภาษีทุกครั้งที่มีปัญหาทางการทูต

💬 และที่สำคัญ วันนี้ยังไม่มีประเทศไหนลงนามรับเงื่อนไขภาษีเหล่านี้อย่างถาวร :

 • อังกฤษ: เจรจาตกลงในหลักการเท่านั้น ยังไม่ได้ลงนาม
 • จีน: แค่ “หยุดยิงชั่วคราว” ยังไม่มีข้อตกลงถาวรใด ๆ
 • ประเทศอื่น ๆ: ส่วนใหญ่รอดูท่าทีศาลก่อนตัดสินใจ

🧭 นี่ไม่ใช่แค่ชัยชนะของโจทก์ในคดี แต่คือ ชัยชนะของหลักการถ่วงดุลอำนาจและกฎหมายการค้าระดับโลก บทพิสูจน์ว่าคุณภาพของสถาบันทางเศรษฐกิจและการเมืองสำคัญจริงๆ!

ข่าวล่าสุด

เปิด Top 3 ดวงขึ้นแรงสุด 12 นักษัตร นักธุรกิจ ใครปัง รับปีม้าไฟ