BYD ร่วงหนัก! หุ้นดิ่งสะเทือนตลาด EV จีน หลังประกาศหั่นราคา
เซ่นพิษหั่นราคา BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของจีน ราคาหุ้นร่วงหนักกว่า 10% ภายใน 2 วันทำการในตลาดฮ่องกง หลังประกาศลดราคา EV สูงสุด 34% ส่อแววสงครามราคาครั้งใหม่
ตามข้อมูลจาก Bloomberg BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเบอร์หนึ่งของจีน กำลังเผชิญกับมรสุมครั้งใหญ่ หลังราคาหุ้นดิ่งหนักกว่า 10% ภายในสองวันทำการที่ผ่านมาในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
จุดชนวนความกังวลว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีนที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด อาจเผชิญกับการหั่นราคาครั้งใหญ่อีกระลอก
หั่นราคาครั้งมโหฬาร เขย่าความเชื่อมั่นนักลงทุน
ชนวนสำคัญของการร่วงลงครั้งนี้มาจากการที่ BYD ประกาศหั่นราคารถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรวม 22 รุ่นในจีนสูงถึง 34% โดยมีผลไปจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน
การเคลื่อนไหวนี้ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ราคาหุ้น BYD ร่วงลงถึง 4% ในช่วงเช้าวันอังคาร หลังจากที่ดิ่งไปแล้ว 8.6% เมื่อวันจันทร์
นี่ไม่ใช่แค่การลดราคาธรรมดา แต่เป็นการลดราคาที่สะท้อนถึงแรงกดดันมหาศาล ที่ BYD กำลังเผชิญ
เพราะก่อนหน้านี้บริษัทเพิ่งรายงาน อัตราการเติบโตของยอดส่งมอบรถยนต์ที่ช้าที่สุดในรอบกว่าสี่ปี แม้ว่ายอดขายในเดือนเมษายนจะเพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับปีก่อน
แต่ก็เป็นการเพิ่มขึ้นรายเดือนที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563
คู่แข่งรุกคืบ BYD ต้องเร่งสปีด
สถานการณ์ยิ่งตึงเครียดขึ้นเมื่อคู่แข่งอย่าง Geely Automobile Holdings Ltd. สามารถส่ง รถยนต์แฮทช์แบ็กขนาดกะทัดรัด Xingyuan ขึ้นแท่นเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดในจีนได้สำเร็จ เมื่อเดือนที่แล้ว แซงหน้า Seagull รถยนต์ยอดนิยมของ BYD ไปอย่างน่าตกใจ
นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley คาดการณ์ว่า การแข่งขันด้านราคาที่ BYD จุดชนวนขึ้นในครั้งนี้ มีแนวโน้มที่จะยืดเยื้อ และจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปจนถึงช่วงครึ่งหลังของปี
ซึ่งหมายความว่าตลาด EV จีนอาจจะยังคงเดือดพล่านไปด้วยโปรโมชันและส่วนลดต่างๆ
Bloomberg Intelligence โดย โจแอนนา เฉิน นักวิเคราะห์ด้านยานยนต์ เสริมว่า
"การลดราคาของ BYD ตอกย้ำว่าในปี 2568 นี้ บริษัทจะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มปริมาณการขายเป็นหลัก ซึ่งบีบให้คู่แข่งต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง คือ ลดราคาตาม หรือยอมเสียยอดขายและส่วนแบ่งการตลาดไป"
ปีทองของ BYD สะดุด
ย้อนกลับไปไม่นานมานี้ BYD กำลังอยู่ในช่วง "ปีทอง" อย่างแท้จริง โดยหุ้นของบริษัทได้ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ พวกเขายังสร้างยอดขายรายเดือนในจีนได้ดีที่สุดเป็นประวัติการณ์ และที่น่าสนใจคือ แซงหน้า Tesla ในยุโรปได้เป็นครั้งแรกในเดือนเมษายน
ยิ่งไปกว่านั้น ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา BYD ยังประสบความสำเร็จในการระดมทุนกว่า 4.35 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 2 แสนล้านบาท) จากการเสนอขายหุ้น
ก่อนที่หุ้นจะดิ่งลงในสัปดาห์นี้ หุ้น BYD ที่ซื้อขายในฮ่องกงเคยพุ่งขึ้นเกือบ 75% ในปีนี้ ทำให้มีมูลค่าตลาดรวมสูงถึงประมาณ 1.58 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ มากกว่ามูลค่าตลาดรวมของ Ford, General Motors และ Volkswagen รวมกันเสียอีก
ในด้านเทคโนโลยี BYD ก็ไม่หยุดนิ่ง บริษัทได้เปิดตัวรถยนต์ที่สามารถชาร์จได้ภายใน 5 นาที
และเริ่มติดตั้งระบบช่วยขับขี่ขั้นสูง God's Eye เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรถยนต์ราคาตั้งแต่ 100,000 หยวน (ประมาณ 5 แสนบาท) รวมถึงในรุ่นประหยัดอย่าง Seagull ด้วย
ที่น่าสนใจคือ แม้บางรุ่นจะประกาศลดราคาเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ก็ยังมาพร้อมกับระบบ God's Eye
ทั้งนี้ นักลงทุนทั่วโลกกำลังจับตาดูว่า BYD จะรับมือกับสถานการณ์ปัจจุบันอย่างไร และยอดขายประจำเดือนพฤษภาคมที่จะเปิดเผยในวันอาทิตย์นี้ จะสะท้อนภาพรวมของ BYD ได้ชัดเจนเพียงใด