posttoday

TNITY แต่งตั้ง “วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล” นั่งประธานบอร์ดบริหาร

21 พฤษภาคม 2568

มติบอร์ด TNITY แต่งตั้ง “วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล” นั่งประธานกรรมการบริหาร พร้อมแต่งตั้ง “วีรพัฒน์ เพชรคุปต์” ขึ้นแท่นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มีผล 1 มิ.ย.นี้

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2568 เมื่อวันที่ 14 พ.ค.2568 บริษัท ทรีนีตี้ วัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ TNITY มีมติแต่งตั้ง ดร. วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล ให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร แทน นายภควัต โกวิทวัฒนพงศ์ ซึ่งไม่ประสงค์ต่อวาระการเป็นกรรมการ และมีมติแต่งตั้ง ดร.วีรพัฒน์ เพชรคุปต์ ให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มีผลวันที่ 1 มิ.ย.2568 

ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทรีนีตี้ วัฒนา กล่าวว่ามติคณะกรรมการครั้งนี้เป็นการแต่งตั้งผู้บริหารทั้ง 2 คน พร้อมกับการปรับโครงสร้าง เพื่อสร้างให้ทรีนีตี้เป็นองค์กรที่ทันสมัย และบริษัทมีเป้าหมายชัดเจนว่าจะนำ AI เข้ามาใช้ในการให้บริการในด้านต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับลูกค้า และผู้ถือหุ้น

สำหรับการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกปี 2568 บริษัทย่อย คือ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ได้มีการเพิ่มและพัฒนาบุคลากร โดยการนำ AI เข้ามาช่วยในการเสนอข้อมูลที่รวดเร็วให้กับนักลงทุน และได้ส่งผลชัดเจนต่อดำเนินงานของ TNITY ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากสิ้นปี 2567 

ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ 7.69 ล้านบาท บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 164.03  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากงวดเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้ 157.77 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้ค่านายหน้าที่เพิ่มขึ้นเป็น 28.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.82% จาก 24.32 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อน เพราะปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์โดยรวม และของลูกค้ารายย่อยของบริษัทเพิ่มขึ้น
 
ขณะที่รายได้จากธุรกิจซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) เพิ่มขึ้นเป็น 9.39 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด 155.16% จาก 3.68 ล้านบาท ในงวดเดียวกันปีก่อน เนื่องจากปริมาณการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าโดยรวม และของลูกค้ารายย่อยเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ บริษัทยังมีกำไร และผลตอบแทนจากเงินลงทุนรวม 25.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 18.90 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้ดอกเบี้ยของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 27.10 ล้านบาท จาก 21.30 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อน เกิดจากรายได้ดอกเบี้ยจากลูกหนี้เงินให้กู้ยืมอื่นที่เพิ่มขึ้นเป็น 26.51 ล้านบาท จาก 20.59 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 28.75% เนื่องจากเงินให้กู้ยืมแก่การร่วมค้าที่เพิ่มขึ้น 

อีกทั้งบริษัทยังมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียเพิ่มขึ้นเป็น 4.02 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 302% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1 ล้านบาท ตามผลการดำเนินงานของการร่วมค้าและบริษัทร่วมที่ปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่รายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ลดลงจาก 38.92 ล้านบาท เป็น 28.65 ล้านบาท จากการลดลงของเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ในระหว่างงวด

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของค่าใช้จ่ายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีค่าใช้จ่าย 155.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.26% จากงวดเดียวกันปี 2567 ที่มีจำนวน 138.39 ล้านบาท เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานเพิ่มขึ้นเป็น 73.08 ล้านบาท จาก 69.03 ล้าน หรือเพิ่มขึ้น 5.87% ตามผลตอบแทนตามรายได้ค่านายหน้าที่เพิ่มขึ้น และมีค่าธรรมเนียมและบริการจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 13.92 ล้านบาท จาก 9.29 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 49.84% เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าระหว่างไตรมาส

ข่าวล่าสุด

ไทยสร้างไทยเปิดแคมเปญ Big Cleaning เดินหน้าล้างโกงทั่วประเทศ