posttoday

เงินเฟ้อสหรัฐฯต่ำคาด! งบ Q1/68 ดีกว่าคาด SET ฟื้น 1,200-1,230 จุด

14 พฤษภาคม 2568

เงินเฟ้อสหรัฐฯต่ำคาด สงครามการค้าผ่อนคลาย ผสานบริษัทจดทะเบียนไทยงบไตรมาส 1/68 ดีกว่าคาด หนุนหุ้นไทยฟื้นตัวในกรอบ 1,200-1,230 จุด เชียร์ “CPALL” ให้ราคาเป้าหมาย 73 บาท

KEY

POINTS

  • เงินเฟ้อสหรัฐฯต่ำคาด สงครามการค้าผ่อนคลายลดเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอย
  • บริษัทจดทะเบียนไทยรายงานงบไตรมาส 1/68 ดีกว่าคาด หนุนหุ้นไทยฟื้นตัวในกรอบ 1,200-1,230 จุด
  • เชียร์ “CPALL” ให้ราคาเป้าหมาย 73 บาท 

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า วานนี้สหรัฐฯรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ CPI เดือนเมษายน ขยายตัว 2.3% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยพบว่าราคาอาหารและพลังงานชะลอตัวลง

ส่วน US Core CPI ยังทรงตัวที่ระดับ 2.8% YoY โดยราคารถยนต์มือสองและเสื้อผ้าย่อตัว ขณะที่ราคาที่อยู่อาศัยและการขนส่งขยับขึ้น

จากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯที่ต่ำคาดเล็กน้อย ผสานกับการคลายความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนในช่วงสั้น ส่งผลให้ภาพสหรัฐฯเริ่มผ่อนคลายจากโอกาสเกิดภาวะ Stagflation (เศรษฐกิจชะลอท่ามกลางเงินเฟ้อสูงและการว่างงานสูง)

ดังนั้นอาจส่งผลให้การปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของ FED ในช่วงถัดไปอาจไม่รีบนัก เบื้องต้นฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าช่วงที่เหลือของปีนี้ FED จะปรับลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในช่วงเดือน ก.ย. และ ธ.ค. 

ความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ

ล่าสุดนายกฯได้แถลงว่าทางรัฐบาลไทยได้ยื่นข้อเสนอ (proposal) เพื่อเจรจาต่อรองมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯไปแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดังนั้นคงต้องรอการนัดหมายจากสหรัฐฯในช่วงถัดไป 

สำหรับ SET คาดยังมีแรงหนุนเชิงบวกจากรายงานงบไตรมาส 1/2568 ของบริษัทจดทะเบียนในช่วงโค้งสุดท้ายที่หลายบริษัทรายงานกำไรดีกว่าที่ตลาดคาด เช่น CPALL, BTG, TFG, GFPT, AMATA, HANA, CENTEL เป็นต้น ถือเป็นแรงหนุนบวกต่อการฟื้นตัวของ SET

คาด SET วันนี้ “ฟื้นตัว” ในกรอบ 1,200-1,230 จุด เงินเฟ้อสหรัฐฯต่ำคาด ผสานกับสงครามการค้าผ่อนคลาย ช่วยลดเสี่ยงการเกิด Stagflation ของ US ผสานการรายงานงบไตรมาส 1/68 หลายบริษัทของไทยที่ดีกว่าคาด เป็นแรงบวกต่อการเก็งสินทรัพย์เสี่ยงมากยิ่งขึ้น 

สำหรับวันนี้แนะนำ “CPALL” ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 73 บาท รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/68 ที่ 7,585 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ดีกว่าตลาดคาด 10% แรงหนุนจาก SSSG ที่เติบโตในทุกธุรกิจ โดยเฉพาะร้านสะดวกซื้อ 

ขณะที่ อัตรากำไรขั้นต้น เพิ่มขึ้น 0.54% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ

ทั้งนี้บริษัทประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนช่วง 16 พ.ค.–14 พ.ย.2568 วงเงิน 7,500 ล้านบาท จำนวนไม่เกิน 150 ล้านหุ้น