WHA โตทุกธุรกิจ กำไร Q1/68 พุ่ง 61% ปิดดีลดาต้าเซ็นเตอร์ 450 ไร่
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวด ไตรมาส 1/2568 บริษัทมีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 5,193 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,075 ล้านบาท โดยเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 5,181 ล้านบาท และกำไรปกติ 2,065 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยปัจจัยที่ทำให้กำไรปกติเติบโตมาจาก 5 กลุ่มธุรกิจ คือ "ธุรกิจโลจิสติกส์" ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารรวม 3,092,621 ตร.ม. สามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจให้เช่าและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ และส่วนแบ่งกำไรฯ "ธุรกิจโมบิลิตี้" ทั้งสิ้น 533 ล้านบาท และไฮไลท์สำคัญในไตรมาสแรกมีโครงการที่ได้รับการคัดเลือก (Award) จากบริษัทค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง และสินค้าตกแต่งบ้านชั้นนำ ที่มีความต้องการเช่าคลังสินค้าคุณภาพสูงประเภท Built-To-Suit พื้นที่ราว 40,000 ตร.ม. เป็นมูลค่าสัญญากว่า 1,600 ล้านบาท
ขณะเดียวกันยังมีสัญญาเช่าระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูง บนพื้นที่ประมาณ 35,000 ตร.ม. โดยเป็นการเซ็นสัญญากับลูกค้ารายใหญ่ อาทิ ผู้ผลิตชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ผู้ผลิตหรือจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค และผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ เป็นต้น และจากกรณีการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ส่งผลให้ลูกค้ามีความต้องการใช้พื้นที่คลังสินค้าสำรอง (Overflow) เพิ่มขึ้น ตอกย้ำความต้องการใช้พื้นที่คลังสินค้าที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง
“บริษัทมุ่งขยายโครงการใหม่ในทำเลที่มีศักยภาพในไทย เพื่อรองรับความต้องการใช้พื้นที่คลังสินค้าเพิ่ม ได้แก่ WHA Mega Logistics Center ชลหารพิจิตร กม.4 โครงการ 2 WHA Mega Logistics Center เทพารักษ์ กม. 21 เฟส 3 และ WHA Mega Logistics Center บางนาตราด กม. 23 Inbound รวมพื้นที่กว่า 380,000 ตร.ม. ส่วนประเทศเวียดนาม บริษัทเปิดตัวศูนย์โลจิสติกส์เซ็นเตอร์ แห่งแรกของ WHA ภายในนิคมอุตสาหกรรมมินห์กวาง จังหวัดฮึงเอียน พื้นที่ 37,500 ตร.ม. และได้ลงนาม MOU กับรัฐบาลท้องถิ่นประจำจังหวัด Thanh Hoa เพื่อศึกษาการพัฒนาโครงการโลจิสติกส์ในพื้นที่ 300 ไร่ ซึ่งแผนการขยายดังกล่าวสอดคล้องกลยุทธ์การเติบโตธุรกิจโลจิสติกส์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ”
ขณะที่ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) ในปีนี้ บริษัทมีแผนการขายทรัพย์สินหรือสิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHART รวมประมาณ 70,000 ตร.ม.มูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท
ล่าสุดบอร์ดได้อนุมัติการขายสิทธิการเช่าและสิทธิการเช่าช่วงอสังหาริมทรัพย์และทรัพย์สินอื่นที่เกี่ยวข้องของทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมให้กับกองทรัสต์ WHART เป็นพื้นที่รวม 32,524 ตร.ม. คิดเป็นมูลค่ารวม 808 ล้านบาท
"ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม" มียอดขายที่ดิน จำนวน 876 ไร่ และยอด MOU อยู่ที่ 1,311 ไร่ และสามารถรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจที่ดินและการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในไตรมาส 1/2568 รวม 3,606 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 69% มีสาเหตุหลักจากยอดโอนที่ดินที่เพิ่มขึ้น
ประกอบกับการปรับราคาขายที่ดินในช่วงที่ผ่านมา สอดคล้องกับการย้ายฐานการลงทุน การผลิต มายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย ณ สิ้นไตรมาส 1/68 มียอดขายที่รอการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog)ให้กับลูกค้าที่สูงถึง 1,538 ไร่ สะท้อนถึงยอดขายที่ดินอุตสาหกรรมใหม่ที่มีเข้ามาต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินกับลูกค้าดาต้าเซ็นเตอร์รายใหญ่ เพิ่มอีก 1 โครงการ พื้นที่ราว 450 ไร่ และยังอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้ากลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์จากประเทศอเมริกา จีน และยุโรป รวมถึงกลุ่มลูกค้าชั้นนำรายใหญ่จากภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยเฉพาะบริษัทอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ ที่มีแผนการตั้งฐานการผลิตในไทย โดยเมื่อเร็วๆนี้มีการลงนาม MOU สำหรับการซื้อที่ดิน รวมกว่า 500 ไร่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
WHA มีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้งหมด 16 แห่ง ทั้งในไทยและเวียดนาม โดยพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยที่กำลังก่อสร้างและรอการพัฒนารวม 7 โครงการ บนพื้นที่ 9,681 ไร่
ล่าสุด มีการพัฒนาพื้นที่โครงการนิคมอุตสาหกรรม WHA Eastern Seaboard Industrial Estate 5 เฟส1 พื้นที่กว่า 4,000 ไร่ ภายใต้แนวคิดนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศอัจฉริยะ “Smart Eco Industrial Estate” ที่มุ่งเน้นการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และการพัฒนาในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
ขณะที่ ประเทศเวียดนาม มี 2 โครงการ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง พื้นที่รวม 2,297 ไร่ และอีก 1 โครงการ มีขนาดพื้นที่ 1,094 ไร่ อยู่ระหว่างการขออนุมัติใบอนุญาตลงทุน โดยช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับรัฐบาลท้องถิ่นประจำจังหวัด Thanh Hoa เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อพัฒนาเขตอุตสาหกรรม พื้นที่รวม 4,000 ไร่
ธุรกิจสาธารณูปโภค(น้ำ) ผลประกอบการธุรกิจน้ำยังมีแนวโน้มที่เติบโตต่อเนื่อง โดยรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในธุรกิจสาธารณูปโภคจากการดำเนินงานรวม เท่ากับ 747 ล้านบาท จากปริมาณยอดขายและบริหารน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศ เท่ากับ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร แบ่งเป็นยอดจำหน่ายน้ำในประเทศไทย จำนวน 30.9 ล้านลูกบาศก์เมตร ลดลงเล็กน้อยจากงวดเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำดิบและน้ำเพื่ออุตสาหกรรมที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม ปริมาณยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value-added Product) มีการเติบโตอย่างโดดเด่น ปรับตัวเพิ่มขึ้น 29% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของลูกค้าใหม่ ขณะที่ยอดจำหน่ายน้ำในประเทศเวียดนาม ตามสัดส่วนการถือหุ้นเท่ากับ 9.1 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของยอดจำหน่ายน้ำของโครงการ Duong River ที่การขยายพื้นที่การให้บริการให้กับลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่
ธุรกิจไฟฟ้า บริษัทรับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์เท่ากับ 132 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้าจากการดำเนินงานเท่ากับ 176 ล้านบาท โดยธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ไตรมาสแรก มีจำนวนเซ็นสัญญาโครงการ Private PPA เพิ่มจำนวน 15 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/68 มีจำนวนเซ็นสัญญาโครงการ Private PPA สะสมจำนวน 305 เมกะวัตต์ และมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 980 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้ว 704 เมกะวัตต์ (เป็นพลังงานหมุนเวียน 176 เมกะวัตต์) และที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 277 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการพลังงานหมุนเวียนทั้งหมด
“ไตรมาสแรก บริษัทมีปริมาณการขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รวม 49 กิกะวัตต์ต่อชั่วโมง เพิ่มขึ้น 44% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีโครงการระหว่างก่อสร้างที่คาดจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ กว่า 100 เมกะวัตต์ ส่วนโครงการจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff เฟส 1 จำนวน 5 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้น 125.4 เมกะวัตต์ ปัจจุบันมีการลงนามในสัญญาเสร็จสิ้นแล้วทุกโครงการ”
ธุรกิจดิจิทัล บริษัทมุ่งยกระดับสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีจากการส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรในด้านนวัตกรรมดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง และการทำโครงการ Digital Transformation ในทุกมิติ พร้อมทั้งมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ อาทิ การพัฒนา โมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับจัดการยานพาหนะไฟฟ้า (EV) และแบตเตอรี่
โดยบริษัทได้ตั้งเป้ายอดการใช้งาน แพลตฟอร์มที่ 900 คัน ภายในปี 68 และได้เปิดให้บริการแอปพลิเคชัน WHASApp เพื่อเพิ่มความสะดวก รวดเร็วในการติดต่อสื่อสารระหว่างลูกค้าและทีมงาน WHA โดยบริษัทตั้งเป้าผู้ใช้งานภายในปีนี้ 4,000 ราย
ธุรกิจโมบิลิตี้ มียอดการให้บริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้าสะสมรวม 360 คัน บริษัทเดินหน้าพร้อมให้บริการโมบิลิกส์ (Mobilix) ด้วยการสร้าง Built-to-Suit EV ecosystem of Logistics ที่ครอบคลุมทั้งระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าและการให้บริการอย่างครบวงจรรายแรกในประเทศไทย ประกอบด้วย 3 บริการหลัก คือ บริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้าเป็นบริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า บริการเครื่องชาร์จและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า โมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน แพลตฟอร์มดิจิทัลอัจฉริยะ เพื่อตอบโจทย์การจัดการรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่
“ผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติให้ WHA จ่ายเงินปันผลประจำปี 2567 เพิ่มเติมอีก 0.1237 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ได้มีการขึ้นเครื่องหมาย XD ไปแล้วเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา และกำหนดจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 นี้ สะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งของกลุ่มบริษัท ขณะเดียวกัน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ A- แนวโน้ม “คงที่” สะท้อนถึงความสามารถในการดำเนินธุรกิจและสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท รวมถึงความสำเร็จจากการออกหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2568 มูลค่าเสนอขาย 4,000 ล้านบาท อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.69% โดยมียอดจองล้นเกินเป้ากว่า 2 เท่า”