posttoday

ดักทาง 15 หุ้นเป้าหมายเม็ดเงินกองทุน Thai ESGX จ่อไหลเข้า

29 เมษายน 2568

ความหวังใหม่! กองทุน Thai ESGX เปิดขาย 2 พฤษภาคม 2568 หวังเม็ดเงินลงทุนใหม่ไหลเข้า 2 เดือน กว่า 20,000 ล้านบาท ด้าน 3โบรกแนะดักทางซื้อ 15 หุ้นเป้าหมายเม็ดเงินจ่อไหลเข้า

KEY

POINTS

  • ความหวังใหม่! กองทุน Thai ESGX เปิดขาย 2 พฤษภาคม 2568
  • หวังเม็ดเงินลงทุนใหม่ไหลเข้า 2 เดือน กว่า 20,000 ล้านบาท
  • ด้าน 3 โบรกแนะดักทางซื้อ 15 หุ้นเป้าหมายเม็ดเงินจ่อไหลเข้า  

จาก LTF สู่ Thai ESGX

ในวันที่ 11 มีนาคม 2568 ที่ประชุม ครม.เห็นชอบจัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนกองทุนใหม่ คือ กองทุน Thai ESG Extra : Thai ESGX 

โดยกองทุนนี้จะรองรับเงินลงทุน 2 ส่วน ได้แก่

1) ผู้ลงทุนที่สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เดิม ที่ถือทั้งหมดใน LTF ทุกกองทุนในทุก บลจ. มาเป็นหน่วยลงทุนของ Thai ESGX เพื่อรับเงินสิทธิลดหย่อนสำหรับ LTF เดิม สูงสุด 500,000 แสนบาท

วงเงินลดหย่อน: ปีที่ 1 (2568) สูงสุด 300,000 บาท และปีที่ 2-5 (2569-2572) สูงสุดปีละ 50,000 บาท

การถือครอง: ไม่น้อยกว่า 5 ปี (วันชนวัน นับจากวันที่ส่งคำสั่งสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF เดิม มายัง Thai ESGX

ระยะเวลาในการสับเปลี่ยน: 2 เดือน คือเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2568

2) เงินใหม่ที่บุคคลธรรมดาลงทุนใน Thai ESGX เฉพาะปี 2568 สูงสุด 300,000 บาท

วงเงินลดหย่อน : ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท (เฉพาะปี 2568)

การถือครอง : ไม่น้อยกว่า 5 ปี(วันชนวัน นับแต่วันที่ลงทุน)

ระยะเวลาลงทุน: 2 เดือน คือเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2568

บลจ. 19 แห่ง เตรียมพร้อมนำเสนอ 37 กองทุน ซึ่งสามารถลงทุนได้ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 หรือแจ้งความประสงค์สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF ที่มีอยู่ทั้งหมดทุกกองทุนได้ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 โดยอุตสาหกรรมจัดการลงทุนได้ตั้งเป้าหมายในการระดมเงินลงทุนใน Thai ESGX ไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า Thai ESGX เป็นกองทุนที่ต้องลงทุนในทรัพย์สินที่ออกโดยผู้ออกหรือกิจการในไทยที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืนตามหลักเกณฑ์เดียวกันกับกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (กองทุน Thai ESG) โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV โดยจะต้องลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืน(ESG)ใน SET หรือ mai โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV

ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีการเผยถึงรายชื่อ 242 หุ้น สำหรับกองทุน Thai ESG และ Thai ESGX ประกอบด้วยรายชื่อหุ้นยั่งยืน (SET ESG Ratings) 228 บริษัท และหุ้นไทยที่มีการเปิดเผยข้อมูลก๊าซเรือนกระจก (GHG) 14 บริษัท ดังนี้

ดักทาง 15 หุ้นเป้าหมายเม็ดเงินกองทุน Thai ESGX จ่อไหลเข้า

5 หุ้นพื้นฐานดี ESG เด่น

เนื่องด้วยหุ้นที่มี SET ESG Rating หรือ GHG มีจำนวนมากกว่า 242 หุ้น ทางฝ่ายวิเคราะห์จึงได้ทำการคัดเลือก Top pick จากหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีการดำเนินงานด้าน ESG สามารถแสดงหุ้น Top pick ดังนี้

หุ้น ADVANC ราคาพื้นฐาน 313 บาท ทางฝ่ายมีมุมมองเชิงบวกระยะยาวต่อบริษัทจากจุดแข็งในการจ่ายปันผลสม่าเสมอ ผลประโยชน์จากการควบรวมของ GULF และ INTUCH รวมถึงการขยายสู่ธุรกิจ Data center ผ่านการร่วมทุนกับ GULF (40%) และ Singtel (35%) โดยถือหุ้นในสัดส่วน 25% ในโครงการศูนย์ข้อมูลขนาด 50 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งเป็น Tier 3 รองรับลูกค้ากลุ่ม Hyperscalers และ องค์กรไทย โดยเฟสแรก 25 MW จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (SCOD) ในปี 2568

ขณะที่ ESG ปี 67 บริษัทสามารถลดความเข้มข้นของปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากปี 66 อยู่ที่ 92% เพิ่มขึ้นที่ 98% เทียบกับฐานปี 58 นอกจากนี้มีการวางแผนลดความเข้มข้นในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในปี 73 โดยคิดจากสัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมกันต่อปริมาณผู้ใช้งานข้อมูลลง 25% เทียบกับปี 67

หุ้น AMATA ราคาพื้นฐาน 30.50 บาท บริษัทมีระดับ Backlog สูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งมีนิคม Smart city-ชลบุรี เป็นนิคมใหม่ที่คาดว่าจะเริ่มโอนได้ในปี 68 และมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่านิคมอื่นจะช่วยให้ปี 68 มีรายได้จากการโอนที่ดินและอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น คาดการณ์กำไรทั้งปี 2,958 ล้านบาท ขยายตัว 19.1%จากปีก่อน โดยจะเห็นภาพกำไรเข้ามาช่วงครึ่งหลังปี68โดดเด่นกว่าครึ่งแรกของปี68

ด้าน ESG บริษัทมีการปฏิบัติตามกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมทั้งในเรื่องของสภาพอากาศและการบริหารจัดการน้ำตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อมและ พรบ.นิคมอุตสาหกรรม เพื่อป้องกันและลดผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเพื่อการขยายพื้นที่นิคม สร้างอาชีพและการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว และการใช้พลังงานทดแทนสำหรับลูกค้าทำให้นิคมเป็นที่ต้องการของคู่ค้ามากขึ้น โดยบริษัทมีอัตราส่วนก๊าซเรือนกระจกหรือ GHG (Scope1+2) ต่อจำนวนไร่ต่ำสุดในกลุ่มที่ 0.14 tCO₂eqต่อไร่

หุ้น GULF ราคาพื้นฐาน 60 บาท คาดกำไรปกติไตรมาส 2/68 เติบโตจากกำลังการผลิตใหม่ที่ COD ตั้งแต่ต้นปี นอกจากนี้ผลกระทบจากความไม่แน่นอนของนโยบายค่าไฟของรัฐกระทบน้อย เนื่องจากสัดส่วนหลักเป็นโรงไฟฟ้า IPP ด้านธุรกิจดิจิทัลมองว่าจะเป็นอีกปัจจัยหนุนจากการควบรวมกับ INTUCH รวมถึง Data center เฟส 1 ขนาด 25 MW ที่คาดว่าจะเปิดดำเนินการภายในครึ่งแรกของปี68

ESG บริษัทมีการดำเนินการด้าน ESG อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้า Net zero emissions (Scope 1 และ 2) ภายในปี 2593 มีการบริหารจัดการขยะด้วยเป้าหมาย Zero waste to landfill และขยายโครงการพัฒนาชุมชน เช่น การติดตั้ง Solar panels และระบบสื่อสารในพื้นที่ห่างไกล

หุ้น KBANK ราคาพื้นฐาน 174 บาท เป็นธนาคารที่มีสัดส่วนสินเชื่อวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) สูง ส่งผลให้คาดว่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล นอกจากนี้ ธนาคารมีสัดส่วนเงินฝากออมทรัพย์และกระแสรายวันสูง ซึ่งจะทำให้ต้นทุนเงินฝากลดลง หากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย อีกทั้งคาดเป็นธนาคารที่จ่ายปันผลสูงที่สุดในปี 2568 ถึง 12.75 บาท/หุ้น

ขณะที่ ESG นั้น KBANK เป็นธนาคารที่มีเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการให้สินเชื่อที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ให้ความสำคัญกับการรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลลูกค้า และการให้ความรู้ทางการเงิน

เงินจ่อไหลเข้า 5 หุ้นบิ๊ก

บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุว่า ความคืบหน้าของ TESGX ที่หน่วยงานตลาดทุนเผยว่าเตรียมเปิดขายกองทุนได้ตั้งแต่ 2 พ.ค.68 และเปิดการสับเปลี่ยน LTF ตั้งแต่ 13 พ.ค. สามารถลงทุนและสับเปลี่ยนได้ภายใน มิ.ย.68 คาดหมายการระดมทุนไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท

ยังไม่รวมเม็ดเงินที่สับเปลี่ยน LTF ที่ปัจจุบันมีมูลค่าคงค้างในช่วง 1.5 -1.6 แสนล้านบาท ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินความคืบหน้าข้างต้นน่าจะเป็นบวกต่อเม็ดเงินที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นช่วง 2 เดือนข้างหน้าต่อไป

หุ้นที่คาดว่าจะได้แรงหนุนจากเม็ดเงิน TESGX สูง และ แนะนำ "ซื้อ" ในทางปัจจัยพื้นฐาน 6 อันดับแรก คือ HMPRO, KBANK, CPF, COM7 และ BDMS คาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้าในช่วง 600 - 1,000 ล้านบาทต่อบริษัท

5 หุ้นเด่นติดโผ

นายวัชเรนทร์ จงยรรยง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก แนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่เป้าหมายที่คาดว่ากองทุน Thai ESGX ที่จะเสนอขายในวันที่ 2 พ.ค.68 เข้าลงทุน เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีมาร์เกตแคปสูงและจัดอยู่ในกลุ่มหุ้นยั่งยืน ได้แก่ BBL, BEM, CPALL, PTT และ TISCO 

ข่าวล่าสุด

ALATi “สยาม เคมปินสกี้” เมดิเตอร์เรเนียนโมเมนต์ สำหรับวันธรรมดาที่สุดพิเศษ