ฝ่าวิกฤต! ตลท.ผนึก"คลัง"เร่งฟื้นหุ้นไทย-ขอสิทธิภาษี บจ.ร่วม "JUMP+"
ตลาดหลักทรัพย์ฯ เร่งหารือ "คลัง" ออกมาตรการฟื้นเชื่อมั่นหุ้นไทย พร้อมเสนอยกเว้นเก็บภาษีย้อนหลังจากกำไรบริษัทจดทะเบียน(บจ.)เข้าร่วมโครงการจั๊มพ์พลัส(Jump+) ไม่เก็บภาษีย้อนหลังควบรวมกิจการ M&A สร้างเสถียรภาพและโอกาสผู้ลงทุนเสริมทัพธุรกิจไทยโตระยะยาว
KEY
POINTS
- ตลาดหลักทรัพย์ฯ เร่งหารือ "คลัง" ออกมาตรการฟื้นเชื่อมั่นหุ้นไทย
- เสนอยกเว้นเก็บภาษีย้อนหลังจากกำไรบริษัทจดทะเบียน(บจ.)เข้าร่วมโครงการจั๊มพ์พลัส(Jump+)
- ไม่เก็บภาษีย้อนหลังควบรวมกิจการ M&A สร้างเสถียรภาพและโอกาสผู้ลงทุนเสริมทัพธุรกิจไทยโตระยะยาว
ตลาดหุ้นไทยเผชิญความผันผวนสูง ท่ามกลางปัจจัยกดดันจากทั้งภายในและภายนอกประเทศ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก นโยบายการเงินของธนาคารกลางประเทศต่างๆ รวมถึงปัจจัยเฉพาะตัวของไทย เช่น ทิศทางนโยบายภาครัฐ และกระแสเงินทุนไหลเข้า-ออก ส่งผลให้นักลงทุนต้องจับตาการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด
นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนสูงกว่าปกติส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์ฯต้องเร่งหารือกับกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณามาตรการสร้างความเชื่อมั่น อาทิ การเพิ่มเม็ดเงินผ่านกองทุน LTF และขยายไปยังกองทุน ThaiESG พร้อมพิจารณากลไกที่ส่งเสริมความยั่งยืน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี
ตลท. กำหนดแนวทางดำเนินงาน 3 ระยะ คือ
ระยะสั้น: เตรียมเปิดให้บริการ Co-location ในไตรมาส 2/68 เป็นบริการพื้นฐานสำหรับบริษัทหลักทรัพย์(บล.)โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายยกเว้นค่าสาธารณูปโภค คาดว่าหลังเปิดให้บริการจะมี บล.เข้าร่วมมากกว่าครึ่ง
ระยะกลาง: เตรียมเปิดตัวโครงการจั๊มพ์พลัส(Jump+)ในเดือนพฤษภาคม 2568 เบื้องต้นคาดมี 50 บริษัทเข้าร่วมโครงการ
ระยะยาว: วางเป้าให้ไทยเป็น Listing Hub ศูนย์กลางระดมทุนของบริษัทในภูมิภาคและทั่วโลก ผ่านการปรับปรุงกฎเกณฑ์ให้เอื้อต่อการทำธุรกิจ
"โครงการจั๊มพลัส เป็นมาตรการเพิ่มมูลค่าธุรกิจไทยตลอด 3 ปีข้างหน้า โดยมุ่งเน้น 4 ด้านหลัก ได้แก่ การเติบโต(Growth), เห็นผลชัดเจน(Visibility), ผลตอบแทนพิเศษ(Incentive) และ ความเชื่อมั่น (Trust&Confidence) อีกทั้งสนับสนุนการควบรวมกิจการ(M&A) การลดต้นทุนและสิทธิประโยชน์ทางภาษี"
อีกทั้ง ตลาดหลักทรัพย์ฯกำลังศึกษามาตรการยกเว้นภาษีย้อนหลัง 3 ปี สำหรับบริษัทนอกตลาดที่ถูกควบรวมกิจการ ภายใต้โครงการ Jump+ โดยต้องเป็นบริษัทที่มีธรรมาภิบาลที่ดี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการคลัง เนื่องจากไม่กระทบรายได้ของรัฐบาลและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระยะยาว
"โครงการ Jump+ เป็นโครงการภาคสมัครใจ เปิดโอกาสให้บริษัทจดทะเบียนไทยเข้ามาสมัครได้ แต่อาจยกเว้นบริษัทที่ถูก ก.ล.ต. กล่าวโทษ และ บริษัทที่ถูกตลาดหลักทรัพย์ฯขึ้นเครื่องหมายต่างๆคงต้องรอดูรายละเอียดเพิ่ม ส่วน บจ.ที่ซื้อกิจการบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯที่อาจทำบัญชีสองเล่ม ไม่ต้องถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง เพื่อลดอุปสรรคและกระตุ้นให้ บจ. กล้าทำ M&A"
สำหรับโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน (Treasury Stock) ตลาดหลักทรัพย์ฯกำลังหารือกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อสนับสนุนให้ดำเนินการสะดวกมากขึ้น
โดยการจัดตั้งคณะทำงาน 3 ฝ่าย ได้แก่ ตลท. , ก.ล.ต. และ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อปรับกฎเกณฑ์ที่เป็นอุปสรรค อาทิ การปลดล็อกการกำหนดสัดส่วนการซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 10% และระยะเวลาการซื้อหุ้นคืน จากเดิมต้องเว้นวรรค 6 เดือนในการซื้อหุ้นคืนแต่ละรอบ
ในเบื้องต้นคาดว่าจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะไม่ต้องแก้ไขกฎหมาย เพียงแต่ต้องแก้กฎกระทรวง
"ตลาดหลักทรัพย์ฯและกระทรวงการคลังเดินหน้าผลักดันมาตรการเพิ่มเสถียรภาพตลาดหุ้นไทย ทั้งการอัดฉีดเม็ดเงิน การลดต้นทุนภาคธุรกิจ และส่งเสริมการควบรวมกิจการ ขณะที่โครงการ Jump+ ถือเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจไทยเติบโตแข็งแกร่ง พร้อมแข่งขันบนเวทีโลก"


