ทรัมป์ป่วนโลก! หุ้นดิ่งหนัก จังหวะช้อป 13 หุ้นปันผลสูง ยิลด์มากกว่า 8%
หวั่นสงครามการค้าเดือด! หลังจากประธานาธิบดี โดนัล ทรัมป์ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าจาก เม็กซิโก, แคนาดา และ จีน มีผลในวันที่ 4 ก.พ.68 แต่เมื่อถูกโต้กลับด้วยกำแพงภาษีเช่นกัน ทรัมป์จึงสั่งชะลอเก็บภาษี เพื่อยืดระยะเวลาเจรจาต่อรองออกไป
ล่าสุดบริษัท Hutchison Ports PPC ที่มีการบริหารท่าเรือริมคลองปานามากำลังพิจารณายกเลิกสัญญากับบริษัทสัญาชาติฮ่องกง หลังจากทรัมป์ขู่จะยึดเส้นทางเดินเรือในคลองปานามาเนื่องจากสหรัฐฯ มีสินค้านำเข้า-ส่งออกผ่านคลองนี้ราว 75%
ถือเป็นสถานการณ์ที่ทุกฝ่ายต่างจับตาอย่างใกล้ชิด แม้ว่าจะพอคาดเดาได้ว่าสงครามในยุคทรัมป์ 2.0 อาจจะร้อนแรงในช่วงครึ่งปีแรกก็ตามที และไทยไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากนักด้วยสหรัฐฯนำเข้าจากไทย เพียง 2.2% เทียบกับเม็กซิโก, จีน , แคนาดา และยุโรปสหรัฐฯนำเข้ามากกว่า 10% แต่ถึงกระนั้นยังไม่สามารถวางใจต่อสิ่งใดได้
และแม้ประเทศไทยอาจจะได้รับผลกระทบเชิงลบเพียงเล็กน้อย แต่ "ตลาดหุ้นไทย" กลับสะท้อนความกงวลมากยิ่งกว่า ดัชนีเคลื่อนไหววันที่ 3 ก.พ.68 ปรับตัวลดลงมากถึง 43 จุด แตะระดับ 1,270.87 จุด แม้จะกลับมายืนเหนือระดับ 1,300 จุดได้ แต่วันนี้(5 ก.พ.68)กลับลงไปทดสอบที่ระดับ 1,287.42 จุด คำถามอาจไม่ใช่ว่าเกิดจากสาเหตุใด แต่ต้องเป็น "ควรทำอย่างไรในจังหวะที่ดัชนีร่วงต่ำ"
ทาง บล.ลิเบอเรเตอร์คัดหุ้นปันผลดีมากว่า 100 บริษัท "โพสต์ทูเดย์" จึงคัดเหลือเพียง 13 บริษัทที่จ่ายเงินปันผล (Dividend) ต่อเนื่อง และ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) มากกว่า 8% ดังนี้
นายจรูญพันธ์ วัฒนวงศ์ หัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า การที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงจากการ Panic ของนักลงทุนต่อการเริ่มเข้าสู่สงครามการค้านำโดย ประธานาธิบดี โดนัล ทรัมป์ นั้น แท้จริงแล้วเป็นสิ่งที่ตลาดคาดหมายไว้อยู่แล้วว่าจะเกิดขึ้นหลังทราบผลเลือกตั้งสหรัฐเมื่อ 5 พ.ย.2567 และการที่ SET ทรุดตัวลงจนไปทำจุดต่ำสุดเมื่อวันที่ 3 ก.พ.2568 ที่ 1270.8 จุด ณ ระดับดังกล่าวคิดเป็น P/E25E เพียง 13.3 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีของ SET index เกินกว่า -2.0SD อิง SET EPS25E Bloomberg cons. 95.52 บาท
ขณะที่ราคาปิดวันที่ 4 ก.พ.68 SET index ภาพรวมให้ Dividend yield คาดการณ์ปีนี้ที่ 3.85% เพิ่มขึ้น +69bps จากปี 2024 และยังสูงกว่า S&P500 ที่ 1.37% อย่างมีนัยสำคัญแล้วอีกด้วย
ข้อมูลคาดการณ์ปันผลในปี 2024 และ 2025 ของหุ้นใน SET ซึ่งมีเข้าเงื่อนไขทั้งสิ้น 128 หลักทรัพย์ ให้นักลงทุนพิจารณาเลือกสะสม อย่างไรก็ดีฝ่ายกลยุทธ์ยังคงเน้นย้ำแนวคิดทั้ง 7 ด้านในการเลือกหุ้น และให้นักลงทุนมองตัวเลขของปี 2025E เป็นสำคัญ
โดย นโยบายคัดกรองหุ้นปันผล ดังนี้
1.เป็นหุ้นที่อยู่ในดัชนี SET ที่มีสภาพคล่องเพียงพอ เข้าออกได้ง่ายเมื่อต้องการ
2.มีนักวิเคราะห์ในตลาดอย่างน้อย 2 รายที่ติดตาม ส่งประมาณการกำไร และเงินปันผล ให้แก่ Bloomberg ทำให้เราติดตามง่าย ปรับแผนได้ทัน
3.มีคะแนน Bloomberg ESG เพื่อสะท้อนความยั่งยืน
แนวคิดการเลือกหุ้นปันผล
1.Dividend yield มากพอเหมาะสมกับความเสี่ยง
2.จ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยไม่นับรวมปันผลพิเศษ
3.แนวโน้มกำไร, กระแสเงินสด 2024 เชิงบวก
4.ไม่ได้อยู่ในอุตสาหกรรมขาลง
5.ความเสี่ยงทางการเงินต่ำ
6.ราคาปัจจุบันไม่สูงกว่า ราคาเหมาะสมโดยเฉลี่ย ไม่ควรมีคดีความที่มีนัยสำคัญต่อการดำเนินงาน