posttoday

บทสรุปสายสีส้ม! ฝ่าด่านกังขา"ไม่โปร่งใส"

23 กรกฎาคม 2567

ปลดบ่วงสายสีส้ม 1.4 แสนล้านบาท "บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM)" เซ็นสัญญาจ้าง "บมจ. ช.การช่าง (CK)" ก่อสร้างงานโยธาและจัดหา ติดตั้งระบบรถไฟฟ้าทั้งโครงการ พร้อมกู้ธนาคารกรุงเทพ(BBL)เต็มวงเงิน

     มหากาพย์รถไฟฟ้าสายสีส้ม มูลค่า 1.4 แสนล้านบาทที่ลากยาวกันมานานถึง 4 ปี นับตั้งแต่ "บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC" ยื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกตาม มาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ข้อหาการเปิดประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มรอบ 2 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมีการกำหนดหลักเกณฑ์ กีดกันการแข่งขันอย่างเป็นธรรมที่ยังค้างคาอยู่ในศาล

บทสรุปสายสีส้ม! ฝ่าด่านกังขา"ไม่โปร่งใส"

     แต่ปัจจุบัน "ศาลปกครองสูงสุด"ได้มีคำพิพากษายกฟ้องในทุกคดีและร่างสัญญาร่วมลงทุนได้ผ่านการตรวจพิจารณาของอัยการสูงสุด พร้อมกับ ครม.เคาะตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอผลการคัดเลือกเอกชน นั่นก็คือ "บริษัท ทางด่วน และรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM" เป็นผู้ชนะประมูลและร่างสัญญาร่วมลงทุน และเงื่อนไขของสัญญาร่วมลงทุนในที่สุด

     บทสรุปที่ชื่นมื่นทุกฝ่าย! 

     ทันทีที่ BEM ได้สายสีส้ม นั่นหมายความว่า BEM จะมีรายได้ที่มีสัญญายาว 30 ปี และ Synergy ที่เกิดขึ้นจากความประหยัดต่อขนาดในการบริหารรถไฟฟ้าหลายเส้นทาง รวมถึงการส่งต่อผู้โดยสารให้กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าเส้นทางหลักของ BEM อีกทั้งยังดีกับบริษัทแม่ อย่าง "บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK" ในฐานะผู้รับงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก พร้อมงานติดตั้งระบบและจัดหาขบวนรถมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาทเช่นกัน

บทสรุปสายสีส้ม! ฝ่าด่านกังขา"ไม่โปร่งใส"

     และแล้ววันนี้ที่รอคอยก็มาถึง เมื่อ BEM จรดปากกาเซ็นต์สัญญาจ้าง CK ให้เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการก่อสร้างงานโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงตะวันตก บางขุนนนท์ – ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และจัดหา ติดตั้งระบบรถไฟฟ้าสำหรับทั้งโครงการ

     โดยช่วงตะวันออกจากศูนย์วัฒนธรรมฯ – มีนบุรีนั้นมีกำหนดแล้วเสร็จ ภายใน 3 ปี 6 เดือน ซึ่ง BEM มั่นใจว่าจะสามารถเปิดให้บริการส่วนนี้ได้ก่อนกำหนดอย่างแน่นอน  และช่วงตะวันตก มีกำหนดแล้วเสร็จภายใน 6 ปี โดยมีระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี นับจากเริ่มเปิดให้บริการช่วงตะวันออก

     "เปิดสายสีส้มช่วงแรกยังไม่ถึงจุดคุ้มทุน เพราะช่วงแรกจะเห็นยอดโดยสารเพียง 1-3 แสนคนต่อวัน ต้องมี 5 แสนคนถึงจะถึงจุดคุ้มทุนและต้องมีการพัฒนาเชิงพาณิชย์เพื่อต่อยอดกันไปได้ซึ่งจะช่วยให้ถึงจุดคุ้มทุนเกิดขึ้นเร็วมาก แต่สายสีส้มจะทำให้สายสีน้ำเงินถึงจุดคุ้มทุนทันที"

     ดร.สมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ BEM กล่าวยืนยันว่า BEM มีความพร้อมที่จะดำเนินโครงการตามที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล โดยการก่อสร้างงานโยธาช่วงตะวันตก BEM มีพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าง CK ที่มีประสบการณ์ ความรู้ ความชำนาญในงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อน โดย CK ได้จัดเตรียมทีมงานและเครื่องจักรอุปกรณ์พร้อมเข้าดำเนินงานได้ทันที จึงมั่นใจได้ว่าจะสามารถดำเนินงานได้แล้วเสร็จตามกำหนดการ อย่างมีคุณภาพและให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยสูงสุด

     ส่วนการจัดหา ติดตั้งระบบรถไฟฟ้านั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ผลิตเพื่อสั่งซื้อรถไฟฟ้าแบบล็อตใหญ่รวม 53 ขบวน แบ่งเป็น รถไฟฟ้าที่ใช้ในสายสีส้ม 32 ขบวน และรถไฟฟ้าสำหรับบริการในโครงการสายสีน้ำเงินเพิ่มเติมอีก 21 ขบวน โดยบริษัทให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยเป็นลำดับแรก เห็นได้จากในโครงการที่ผ่านมาบริษัทเลือกใช้ผู้ผลิตจากประเทศเยอรมันและญี่ปุ่นเป็นหลัก

บทสรุปสายสีส้ม! ฝ่าด่านกังขา"ไม่โปร่งใส"

     ถามว่า..เม็ดเงินลงทุนกว่า 1.4 แสนล้านมาจากไหน ?

     BEM เตรียมกู้วงเงินประมาณ 1.2 แสนล้านบาทกับทางธนาคารกรุงเทพ(BBL)เต็มจำนวน แบ่งเป็นเงินกู้สำหรับก่อสร้างงานโยธาช่วงตะวันตก 90,000 ล้านบาทและสำหรับงานระบบรถไฟฟ้า 30,000 ล้านบาท ควบคู่ไปกับเงินทุนจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ซึ่งทางธนาคารค่อนข้างเชื่อมั่นการดำเนินงานของบริษัท  

     ทั้งนี้บริษัทคาดการณ์จำนวนผู้โดยสารในปีแรกของการให้บริการช่วงตะวันออก จะมีประมาณ 1.2 แสนคนต่อวัน และเมื่อเปิดตลอดเส้นทางคาดว่าจะมี 3 แสนคนต่อวัน สำหรับค่าโดยสารนั้นจะเริ่มต้นที่ 17- 44 บาท

      "ปีนี้ถือเป็นปีที่ดีของ BEM มีกำไรเติบโตจากการบริหารโครงการสัมปทานที่มีอยู่ทั้งรถไฟฟ้าและทางพิเศษ หลังจากกำไรที่เคยลดลงไปเมื่อช่วงโควิด-19 ตอนนี้กลับคืนมาแล้ว และยังทำกำไร New High ในทุกปีๆ จากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และต้นทุนทางการเงินที่อยู่ในระดับต่ำ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่อง

     การได้รับสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มถือเป็น New S-Curve ให้กับ BEM ช่วยเพิ่มความสามารถในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง หนุนรายได้ให้กับสัมปทานตัวเดิมอย่างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เพราะจะส่งผู้ใช้บริการเข้ามาในระบบเพิ่มขึ้น โดยตั้งแต่เปิดการเดินรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงตะวันออกนั้นจะมีผู้โดยสารประมาณ 80% เชื่อมเข้าสู่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินทันที อีกทั้งยังทำให้เกิดการบริหารต้นทุนได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับขนาดของธุรกิจ (Economy of Scale) และทำให้บริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดด"

บทสรุปสายสีส้ม! ฝ่าด่านกังขา"ไม่โปร่งใส"

     ถามว่า โครงการอื่นๆยังมีหรือไม่ ?

     BEM ยังมี "โครงการทางด่วนชั้นที่ 2 (Double Deck)" คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดภาระการลงทุนของภาครัฐจึงเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ขณะเดียวกันโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ(วงแหวนกาญจนาภิเษก) ที่ภาครัฐอยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสมในการคัดเลือกเอกชนบริหารงานเดินรถก็คาดว่าจะสรุปได้ภายในสิ้นปีนี้เช่นกัน โดย BEM พร้อมที่จะเจรจาในทุกรูปแบบ 

     ขณะที่ "นโยบายตั๋วร่วม" ทาง BEM พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ ปัจจุบันบริษัทได้เตรียมระบบ EMV รองรับการใช้งานไว้แล้ว ส่วนเรื่องค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายถือเป็นเรื่องที่ประชาชนได้ประโยชน์  BEM ก็พร้อมให้ความร่วมมือและเจรจาเหมือนกับโครงการทางด่วนชั้นที่ 2 เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และเป็นไปตามหลักการที่คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ

     "กำไรในปีที่ผ่านมาก็ทำนิวไฮ กำไรปีนี้ก็จะทำนิวไฮ ปีหน้าก็จะทำนิวไฮ เราจะทำนิวไฮต่อเนื่อง ซึ่ง BEM จะเป็นบริษัทที่ยั่งยืนอย่างแน่นอน และเป็น Dividen Stock อย่างแน่นอนแม้ในช่วงแรกอาจยังไม่ใช่ก็ตาม และจะเป็น Growth Stock อย่างแน่นอน"

บทสรุปสายสีส้ม! ฝ่าด่านกังขา"ไม่โปร่งใส"

ข่าวล่าสุด

3 ชาติผนึกกำลังทลาย 'KK Park - ชเวก๊กโก' รังใหญ่ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์"