สังหาร 6 ศพ ส่งผลลบช่วงสั้นต่อหุ้นท่องเที่ยว-กระทบเป้าต่างชาติมาไทยจำกัด
เปิดมุมมอง 2 โบรกฯ ประเมินสังหารหมู่ต่างชาติ 6 ศพ ในโรงแรมดังย่านราชประสงค์ ส่งผลเชิงลบต่อท่องเที่ยวไทย-หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวเพียงเล็กน้อย กดดันราคาหุ้น ERW แค่ระยะสั้น และส่งผลกระทบจำกัดต่อประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยปี 67 มองกรอบ 35.5 ล้านคน ยังเป็นไปได้
จากเหตุการณ์ข่าวการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6 ราย (สัญชาติเวียดนาม 4 และสัญชาติอเมริกัน 2 ราย) ภายในโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ โดยสถานการณ์ปัจจุบันอยู่ระหว่างการสอบสวนของตำรวจ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นสินนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้ว 24 ชั่วโมง และในสถานที่เกิดเหตุไม่มีการชิงทรัพย์ หรือประทุษร้าย แต่อาจเป็นการรับประทานบางอย่างเข้าไป
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทาง บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW และโรงแรม แกรนด์ไฮแอท เอราวัน ชี้แจงว่ารู้สึกเสียใจอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงแรมและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง มาตรการการรักษาความปลอดภัยในโรงแรมสำหรับผู้เข้าพักและพนักงานเป็นหนึ่งสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญอย่างสูงสุด ทางโรงแรมกำลังให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนอย่างเต็มที่
ฝ่ายวิจัยบล.เอเซีย พลัส ประเมินว่า เป็น SENTIMENT เชิงลบเล็กน้อยต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว (ยกเว้น ERW มีโอกาสได้รับแรงกดดันมากกว่ากลุ่มฯ) ขณะที่เชิงพื้นฐาน จำนวนนักท่องเที่ยวอเมริกันและเวียดนาม เข้าไทยช่วง 5 เดือนแรกปี 2567 คิดเป็นสัดส่วน 2.9% และ 2.7% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย ตามลำดับ
ประกอบกับอิงข้อสันนิษฐานเบื้องต้นของตำรวจข้างต้น ไม่ได้เป็นเหตุประทุษร้าย จึงประเมินผลกระทบต่อประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยปี 2567 ตามที่ตลาดมองไว้ราว 35.5 ล้านคน (+26%YoY) จำกัด
ด้านการดำเนินงานกลุ่มฯ งวด เม.ย.-มิ.ย.2567 ภาพรวมกลุ่มที่อิงกับท่องเที่ยวไทย (AOT, CENTEL และ ERW) ชะลอตัว QoQ เพราะยังอยู่ในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวไทย (+YoY) ส่วน MINT พลิกกลับมามีกำไร เพราะเป็น SEASONALITY ของการท่องเที่ยวใน EU (ไตรมาส 2 ส่วนใหญ่กำไร MINT สูงสุดของปี) อย่างไรก็ดี กลุ่มท่องเที่ยวไทยทิศทางกำไรช่วงที่เหลือของปี 2567-ไตรมาส 1/2568 ทยอยดีขึ้น ตามปัจจัยฤดูกาล น่าสนใจกว่า MINT ที่แนวโน้มกำไรปกติมีโอกาสผ่านจุดสูงสุดหลังผ่านงบไตรมาส 2/2567
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ให้คำแนะนำ OUTPERFORM ต่อ AOT (ราคาเป้าหมาย 68 บาท หากรวมผลจากการเลิก DUTY FREE ขาเข้าเหลือ 65 บาท) คาดหวังการฟื้นตัวของกำไรปกติตั้งแต่เดือน ต.ค.2567-มี.ค.2568 อานิสงค์ของฤดูกาลท่องเที่ยวไทย
ส่วนกลุ่มโรงแรม เนื่องจากปัจจุบันยังให้คำแนะนำ NEUTRAL ทั้ง CENTEL (ราคาเป้าหมาย 46 บาท), ERW (ราคาเป้าหมาย 5.4 บาท) และ MINT (ราคาเป้าหมาย 35 บาท) แต่มอง CENTEL น่าสนใจสุด จากการเปิดโรงแรมใหม่ที่มัลดีฟส์ 2 แห่ง ช่วงไตรมาส 4/2567 หนุนการเติบโตสูงกว่ากลุ่มฯ ประกอบกับงบแสดงฐานะการเงินแกร่งกว่ากลุ่มฯ ส่วน ERW คาดราคาหุ้นยังมี OVERHANG จากการต่อสัญญาโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ (สัดส่วนราว 20% ของรายได้)
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ระบุว่า ประเด็นข่าวนี้จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อการท่องเที่ยวไทย และ ERW ในระยะสั้น โดยโรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัน คิดเป็น 15-20% ของรายได้ ERW และขณะนี้ยังเปิดดำเนินงานตามปกติ มองว่าสิ่งสำคัญคือการชี้แจงถึงข้อมูลต่างๆ อย่างถูกต้อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
โดยเบื้องต้น มองว่าเหตุการณ์นี้มีจะผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไทยน้อยกว่าเหตุการณ์เชิงลบในอตีต เพราะความเสียหายอยู่ในวงจำกัดมากกว่าเหตุกราดยิงที่สยามพารากอน และเหตุการณ์ระเบิดที่ศาลพระพรหมเอราวัณ
เหตุกราดยิงที่สยามพารากอน เมื่อวันที่ 3 ต.ค.2566 หลังเกิดเหตุการณ์ การฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดใช้เวลาราว 5 สัปดาห์ และนักท่องเที่ยวจีนใช้เวลาราว 16 สัปดาห์ (4 เดือน) ในการกลับไปเท่าระดับก่อนเกิดเหตุการณ์
เหตุการณ์ระเบิดที่ศาลพระพรหมเอราวัณ เมื่อวันที่ 17 ส.ค.2558 ผู้ประกอบการกลุ่มท่องเที่ยว เปิดเผยว่า การดำเนินงานใช้เวลาฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติราว 1 ไตรมาส
อัพเดทจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสัปดาห์ที่ 28 ของปี 2567 ระหว่างวันที่ 8-14 ก.ค.2567 อยู่ที่ 702,670 คน คงที่ WoW แต่เพิ่มขึ้น 25%YoY และในครึ่งแรกของปี 2567 นักท่องเที่ยวต่างชาติ มีจำนวน 17.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 35%YoY สะท้อนว่าประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 35 ล้านคน ในปี 2567 (87% ของระดับก่อนเกิดโควิด-19) ยังอยู่ในกรอบที่เป็นไปได้
ส่วนกำไรปกติของ ERW ในไตรมาส 2/2567 จะอยู่ที่ 130 ล้านบาท (-2%YoY, -55%QoQ) ต่ำกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้าที่ 142 ล้านบาท จากดอกเบี้ยจ่ายที่จะเพิ่มขึ้นจากการก่อหนี้เพื่อเข้าซื้อทรัพย์สินจาก ERWPF เมื่อรวมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ทำให้มองว่าน่าจะมีแรงกดดันราคาหุ้น ERW ในช่วงสั้น
ในขณะที่หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวอื่นๆ ยังเป็นไปตามที่ประเมินไว้ คือ กำไรปกติจะเติบโตได้ YoY ตามภาพอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย และจะลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล ยกเว้น MINT (Outperform, ราคาเป้าหมาย 44 บาท/หุ้น) ที่จะโดดเด่นสุดด้วยกำไรที่คาดว่าจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ สนับสนุนโดยช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวในยุโรป (การดำเนินงานหลักของ MINT) และเทศกาล UEFA EURO 2024