posttoday

SPREME เปิดเทรดวันแรก 3.42 บาท เหนือจอง 31.54% ลุยประมูงงานใหม่-ปิดดีล M&A

02 พฤษภาคม 2567

SPREME เปิดเทรด SET วันแรก 3.42 บาท พุ่ง 31.54% จากราคาไอพีโอ 2.60 บาท สะท้อนนักลงทุนเชื่อมั่นปัจจัยพื้นฐาน ตั้งเป้ารายได้ปี67 โตไม่ต่ำกว่า 15% ตุนแบ็กล็อกกว่า 440 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ปี 67-68 เดินหน้าเข้าประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐ เจรจา M&A 2-3 ราย คาดชัดเจนปีนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SPREME เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันนี้ (2 พ.ค.2567) เป็นวันแรก ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยเปิดที่ราคา 3.42 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.82 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 31.54% จากราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 2.60 บาท 
 
ล่าสุด ปิดซื้อขายช่วงเช้า เวลา 12.30 น. ปรับเพิ่มขึ้น 0.14 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 5.38% มาอยู่ที่ 2.74 บาท มูลค่าการซื้อขายรวม 926.96 ล้านบาท

SPREME เปิดเทรดวันแรก 3.42 บาท เหนือจอง 31.54% ลุยประมูงงานใหม่-ปิดดีล M&A

ทั้งนี้ SPREME ประกอบธุรกิจเป็นผู้ออกแบบ จัดหา และติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้ในงานเทคโนโลยีสารสนเทศครบวงจร (System Integrator) ทั้ง Hardware และ Software รวมถึงให้บริการดูแลบำรุงรักษา ซ่อมแซม และให้เช่าระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง
 
SPREME เสนอราคาขาย IPO ที่ 2.60 บาท/หุ้น จำนวนไม่เกิน 200,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 27.02% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วหลัง IPO ประกอบด้วย (1) หุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกิน 180,000,000 หุ้น และ (2) หุ้นสามัญเดิมที่ถือ โดย PSN Capital Limited จำนวน 20,000,000 หุ้น

โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคลของงบการเงินเฉพาะของบริษัทฯ และหลังหักเงินสำรองตามกฎหมาย และเงินสะสมอื่นๆ ตามที่บริษัทกำหนด

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้
 
1.เพื่อเป็นเงินทุนรองรับการประมูลโครงการที่มีขนาดใหญ่
2.เพื่อลงทุนซื้อกิจการเพื่อต่อยอดธุรกิจเดิมของบริษัท (Mergers & Acquisitions)
3.เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจและการดำเนินการอื่นใดเพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อบริษัท
 
ทางด้านผลการดำเนินงานในปี 2564-2566 บริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 871.19 ล้านบาท 1,025.48 ล้านบาท และ 1,256.32 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 110.53 ล้านบาท 99.24 ล้านบาท และ 156.59 ล้านบาท ตามลำดับ

นายภาณุวัฒน์ ขันธโมลีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SPREME เปิดเผยว่า พอใจกับราคาหุ้น SPREME ที่เปิดซื้อขายวันนี้เป็นวันแรก สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ในฐานะผู้นำธุรกิจ System Integrator ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ของโลกและมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ตามแนวทางการพัฒนาด้านการศึกษาของประเทศ และการพัฒนาประเทศเข้าสู่รูปแบบ เมืองอัจฉริยะ (Smart City) และความปลอดภัยสาธารณะ (Public Safety)

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2567 คาดว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อน โดยปัจจุบันบริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 440 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในปี 2567-2568 และบริษัทเตรียมเข้าประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ 4-5 โครงการ มูลค่าโครงการมากกว่าพันล้านบาท มองว่าภาครัฐจะจัดสรรงบประมาณโดยเฉพาะด้านการศึกษาเพิ่มขึ้นทุกปี ดังนั้นโอกาสเติบโตของบริษัทยังมีอีกมาก

นอกจากนี้ บริษัทเดินหน้าลงทุนเข้าซื้อกิจการ (M&A) เพื่อต่อยอดธุรกิจเดิมของบริษัท โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ประมาณ 2-3 ราย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปี 2567

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มลูกค้าภาครัฐประมาณ 30% และกลุ่มลูกค้าภาคเอกชน 70% และภายหลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่ารายได้จากภาครัฐ และภาคเอกชน จะมีสัดส่วนใกล้เคียงกันที่ 50%  

“ทีมงานและผู้บริหารของบริษัทพร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนที่วางไว้ ทั้งการเข้าประมูลงานภาครัฐขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าโครงการมากกว่าพันล้านบาท ภายในอนาคตอันใกล้นี้ และการทำ M&A เพื่อต่อยอดธุรกิจ SI ที่มีความเชี่ยวชาญ ผมเชื่อมั่นว่าเรามีความพร้อมในการพัฒนาและขยายธุรกิจให้มีศักยภาพการเติบโตต่อไปข้างหน้า และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต” นายภานุวัฒน์ กล่าว 

ด้านนายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า การเข้าเทรดในวันแรกของ SPREME ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม เนื่องจากเป็นหุ้นไฮบริด เป็นทั้ง Growth Stock และ Dividend Stock นักลงทุนมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่มีความแข็งแกร่ง 

โดยเม็ดเงินที่ได้จากการเสนอขายไอพีโอในครั้งนี้ จะใช้เป็นเงินทุนรองรับการประมูลโครงการที่มีขนาดใหญ่, เพื่อลงทุนซื้อกิจการเพื่อต่อยอดธุรกิจเดิมของบริษัท (M&A) และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง และสนับสนุนการเติบโตที่มั่นคงในอนาคต 

นายธีรฉัตร ศิลปสนธยานนท์ ผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ กล่าวว่า เชื่อมั่น SPREME จะเป็นหุ้นที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุนในอนาคต เนื่องจากมีศักยภาพในการเติบโตจากแผนการเข้าประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ที่สนับสนุนการนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในระบบการศึกษา และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ดีให้ประชาชน รวมทั้งแนวทางการพัฒนาประเทศเข้าสู่รูปแบบ Smart City และ Public Safety

นอกจากนี้ มองว่า SPREME เป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ มีความมั่นคงด้านรายได้ ซึ่งบริษัทสามารถรายได้อย่างสม่ำเสมอทั้งจากธุรกิจด้าน SI , ธุรกิจให้บริการดูแลบำรุงรักษาและซ่อมแซมระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง (MA) และธุรกิจให้เช่าระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง รวมทั้งรายได้ใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นจากการทำ M&A ในอนาคต