posttoday

เป๋าตุง! เจ้าสัว "คีรี"โล่ง "BTS-VGI"ขาย KEX รับทรัพย์กว่า 1.7 พันล้าน

26 มีนาคม 2567

เจ้าสัว "คีรี กาญจนพาสน์" โกยเงินกว่า 1,700 ล้านบาท หลัง BTS ตัดขายหุ้น KEX ราว 2.72% ฟาก VGI ขายเกลี้ยงพอร์ต สัดส่วน 15.45% ด้าน 3โบรกสแกน VGI ปลดเปลื้องภาระขาดทุนหนัก กระแสเงินสดแกร่งจริง แต่สตอรี่กดดันยังไม่หมด

     ราคาหุ้น BTS วันนี้(26 มี.ค. 2567) ณ เวลา 15.41 น. อยู่ที่ 5.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท คิดเป็น +0.88% มูลค่าการซื้อขาย 495.3 ล้านบาท โดยราคาปรับขึ้นสูงสุด 5.85 บาท และลดลงต่ำสุด 5.65 บาท

     ราคาหุ้น VGI อยู่ที่ 1.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท คิดเป็น +3.66% มูลค่าการซื้อขาย 314.83 ล้านบาท โดยราคาปรับขึ้นสูงสุด 1.74 บาท และลดลงต่ำสุด 1.66 บาท

     ราคาหุ้น KEX อยู่ที่ 5.15 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท คิดเป็น +1.98% มูลค่าการซื้อขาย 9.86 ล้านบาท โดยราคาปรับขึ้นสูงสุด 5.35 บาท และลดลงต่ำสุด 4.96 บาท ขณะที่ในวันที่ 22 มี.ค.67 ที่ผ่านมา ราคาหุ้น KEX ปรับขึ้นไปแตะสูงสุด 6.50 บาท ลดลงต่ำสุด 5.20 บาท และปิดที่ราคาต่ำสุดของวันนั่นเอง 

เป๋าตุง! เจ้าสัว "คีรี"โล่ง "BTS-VGI"ขาย KEX รับทรัพย์กว่า 1.7 พันล้าน

     ราคาหุ้น BTS , VGI บวกสดใสทันทีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับแบบรายงานการจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2) เมื่อวันที่ 25 มี.ค.2567 รายงานการจำหน่ายหุ้น "บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX" โดย "บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS" ซึ่งเป็นการจำหน่าย เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2567 ผ่านการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (Tender Offer) ของ "บริษัท เอสเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด" ที่ราคา 5.50 บาท จำนวน 47,356,900 หุ้น คิดเป็น 2.7176% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการจำนวนหลักทรัพย์ ส่งผลให้ BTS คงถือหุ้นจำนวน 51,561,600 หุ้น คิดเป็น 2.9589% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ 

     นอกจากนี้ "บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI" แจ้งการจำหน่ายหุ้น KEX ผ่าน Tender Offer ทั้งหมดจำนวน 269,230,900 หุ้น คิดเป็น 15.4501% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

     จากการขายหุ้น KEX ดังกล่าวข้างต้น ส่งผลให้ผู้ถือหุ้นใหญ่กลุ่ม BTS นั่นก็คือ "คีรี กาญจนพาสน์" รับทรัพย์กว่า 1,700 ล้านบาท

 

นั่งบนกองเงิน

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ระบุว่า ตามที่ VGI แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯเกี่ยวกับการขายหุ้นทั้งหมดใน KEX จำนวน 269.23 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 15.45% ด้วยราคาเสนอขาย 5.5 บาทต่อหุ้น ผลจากการขายหุ้น KEX ของ VGI คาดดังนี้ 1. VGI จะไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนประมาณ 160 ล้านบาทต่อไตรมาส หรือ 640 ล้านบาทต่อปี จาก KEX อีกต่อไป โดยหลังจากได้ตรวจสอบกับ VGI แล้วในไตรมาส 4/67 (สิ้นสุด มีนาคม 2567) จะเป็นไตรมาสสุดท้ายที่ VGI จะบันทึกผลขาดทุนจาก KEX ในงบกำไรขาดทุน และ 2. VGI จะได้รับเงินสดประมาณ 1.4 พันล้านบาทจากการขายหุ้นครั้งนี้

     ผลขาดทุนปี 68 จะน้อยกว่าปี 67 เมื่อไม่มี KEX สอดคล้องกับการคาดการณ์ของฝ่ายฯเนื่องจากตัดผลขาดทุนของ KEX ออกจากงบกำไรขาดทุนของ VGI ตั้งแต่งบปี 68 (เริ่มตั้งแต่ เมษายน 2567 - มีนาคม 2568) โดยฝ่ายฯคาดการณ์อย่างระมัดระวังว่า VGI จะขาดทุน 110 ล้านบาทในปี 68 แต่ผลขาดทุนนี้จะน้อยกว่าขาดทุนสุทธิ 3.6 พันล้านบาทในปี 67 ซึ่งขาดทุนจากการดำเนินงานหลัก 1.1 พันล้านบาท และฝ่ายฯคาดว่า VGI จะกลับมามีกำไรอีกครั้งในปี 69

     นอกจากนี้ ในแง่ของความแข็งแกร่งทางการเงิน ก่อนการขายเงินลงทุนใน KEX นั้น VGI มีเงินสดคงเหลืออยู่ประมาณ 5.14 พันล้านบาท รวมถึงสินทรัพย์ทางการเงินหมุนเวียน ซึ่ง VGI จะได้รับเงินประมาณ 1.4 พันล้านบาทจากการขายเงินลงทุนนี้

     นั่นหมายความว่า VGI จะมีเงินสดคงเหลือประมาณ 6.54 พันล้านบาท เงินสดนี้จะคิดเป็นเกือบ 35% ของมูลค่าตามราคาตลาดของ VGI โดยมีบริษัทจดทะเบียนไม่มากนักที่จะมีสัดส่วนเงินสดสูงเมื่อเทียบกับมูลค่าตามราคาตลาด

     และฝ่ายฯคาดว่า VGI จะไม่นำเงินสดนี้ไปใช้ในลงทุนเมื่อมองระยะสั้นเนื่องจาก VGI มีกระแสเงินสดจาก EBITDA ประมาณ 600-700 ล้านบาทต่อปี ซึ่งสามารถรองรับการลงทุนประจำปีได้ และจากมีเงินสดส่วนเกินจำนวนมาก นั่นหมายความว่าเงินสด ส่วนนี้อาจจะถูกจ่ายคืนให้แก่ผู้ถือหุ้นในรูปของเงินปันผลในปี 67

     ฝ่ายฯยืนยันคำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น VGI ด้วยมูลค่าประเมินจากวิธี SOTP ที่ 1.99 บาทต่อหุ้น โดยคำแนะนำซื้อหุ้นนี้อิงจากมุมมองว่าผลประกอบการของบริษัทจะฟื้นตัวขึ้น

     การขายเงินลงทุนในบริษัท KEX หมายความว่ากำไรของ VGI จะดีขึ้นประมาณ 640 ล้านบาทต่อปีเริ่ม ตั้งแต่ปี 68 เป็นต้นไป โดยอิงจากผลประกอบการขาดทุน เราคาดว่า VGI จะยังไม่จ่ายเงินปันผลในปี 67 แต่การประกาศจ่ายเงินปันผลจากบริษัทหลังจากประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/67 จะเป็นปัจจัยหลักหนุนราคาหุ้น

 

ผ่านช่วงแย่สุด

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) ระบุว่า ตามที่ VGI รายงานการขายหุ้น KEX ทั้งหมดที่ถือ 15.45% ฝ่ายฯมองในเชิงบวกต่อผลประกอบการงวด 2567/68 ที่คาดขาดทุนลดลง และช่วยลดคความผันผวนของกำไร แนวโน้มไตรมาส 4ปี66/67 คาดยังขาดทุน เพิ่มขึ้น QoQและYoY นอกจากเข้า Low season ยังรับรู้ขาดทุนจากธุรกิจ Distribution และยังมีส่วนแบ่งขาดทุนจาก KEX 

  โดยฝ่ายฯปรับประมาณการสะท้อนผลกระทบจากการขายหุ้น KEX โดยปรับลดผลขาดทุนในปี 2567/68 ลง แต่ปรับลดประมาณการกำไรตั้งแต่ปี 2569/70 ลงเฉลี่ย 7% เนื่องจากสมมุติฐานเดิมคาด KEX จะเริ่มพลิกมีกำไร

     ดังนั้นคงคำแนะนำ “ซื้อ” ฝ่ายฯมองผลประกอบการผ่านช่วงแย่สุดไปแล้ว ขณะที่ปี 2567/68 คาดบริษัทจะขาดทุนลดลงหลังตัดขายธุรกิจ KEX ช่วยลดภาระขาดทุน โดยปรับลดมูลค่าพื้นฐานปี 2566/67 จากเดิมที่ 2.16 บาท เป็น 2.01บาท สะท้อนการปรับประมาณการ อิงวิธี SOTP

 

แรงกดดันอื่นยังมี

     บล.กรุงศรี พัฒนสิน คงคำแนะนำ Neutral หุ้น VGI ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 24/25F (เม.ย.-มี.ค.) ที่ 1.70 บาท (SOTP) หลัง VGI ขายหุ้น KEX หมดพอร์ตลดความเสี่ยงความผันผวนของผลประกอบการ KEX ที่มีต่อผลประกอบการรวม หนุนผลประกอบการฟื้นเป็นกำไรได้ง่ายขึ้น

     อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความไม่แน่นอนจากธุรกิจใหม่ที่อยู่ในช่วงสร้างฐานลูกค้า เช่น RCare RCash Fanslink และ TURTLE กดดันผลประกอบการ อีกทั้งยังมี Downside จากเงินลงทุนใน JMART อีกด้วย (ราคาตลาดต่ำกว่าต้นทุนราว -50%)