ทิ้งดิ่ง! 'ORI' ร่วงหนักรับงบปี66 วูบ ราคานี้ น่าซื้อ รึ รอก่อน?
3โบรกแห่สแกน 'ORI' หลังราคาร่วงแรงรับกำไรสุทธิไตรมาส 4/66 วูบ แถมปี 67 อาจไม่สดใส หวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทำคึกคัก แนะรอภาพเศรษฐกิจฟื้นชัดก่อนลงทุน ด้าน "ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้"เดินหน้าเปิดตัว 35 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 37,000 ล้านบาท
ท้ายที่สุด "ORI" กลับมาปิดการซื้อขายช่วงเช้านี้ อยู่ที่ 6.70 บาท ลดลง 0.90 บาท คิดเป็น -11.84% มูลค่าการซื้อขาย 289.90 ล้านบาท โดยราคาขึ้นไปสูงสุด 6.90 บาท และลดลงต่ำสุด 6.55 บาท
สาเหตุหลักคาดมาจากการแจ้งผลประกอบการปี 2566 วานนี้ เวลา 21.00 น. ที่ลดลงกว่าหลายโบรกคาดการณ์ไว้
สะเทือนใจQ4ต่ำคาด
บทวิเคราะห์ บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุมุมมอง negative ต่อกำไรสุทธิในไตรมาส 4/66 เพียง 47 ล้านบาท (-95% y-y, -95% q-q) ต่ำกว่าคาดจาก extra expense การกลับรายการกำไรการต่อรองราคาซื้อโรงแรมต่ำกว่า Book value (ที่ 276 ล้านบาท) ที่บันทึกมาไตรมาสก่อน และรายได้ค่าบริหารโครงการ JV ที่ลดลงมาก
ทั้งนี้ถ้าไม่รวม extra gain / extra loss ไตรมาสนี้จะรายงาน Norm. loss ที่ -72 ล้านบาท เป็นการรายงานขาดทุนครั้งแรก โดย core operation ถูกกดดันจากการโอนที่ลดลง y-y, q-q และ SG&A expenses ที่สูง สำหรับ 2023 Norm profit เท่ากับ 1.9 พันล้านบาท (-34% y-y) มีเพียงปันผลจ่ายงวดครึ่งหลังปี66 ที่ 0.30 บาท/หุ้น dividend yield สูง 3.9% เป็นตัวประคองราคาหุ้น
สำหรับทิศทาง Norm. profit ในปี 67 ฝ่ายวิเคราะห์คาดดีขึ้น +30% y-y จากฐานต่ำ ขณะที่ extra gain ที่น่าจะลดลง y-y กดดันให้ทิศทางกำไรสุทธิลดลงทรงตัว y-y หรือราว 2.8 พันล้านบาท
ฝ่ายวิเคราะห์คงราคาเป้าหมายปี 67 ที่ 9.50 บาท ถึงแม้คง Trading Buy แต่มองราคาหุ้นระยะสั้นถูกกดดันจากกำไรสุทธิในไตรมาส 4/66 ที่ไม่ดี และ outlook ปี 67 ที่ไม่สดใสนัก จึงแนะนำเพียง wait and see จนกว่าจะเห็น catalyst ใหม่
เปลี่ยนตัวเล่น
ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า หุ้น ORI ราคาเป้าหมาย 9.50 บาท กำไรสุทธิไตรมาส 4/66 ที่ 47 ล้านบาท ลดลง -95%QoQ , -95%YoY จากยอดโอนลดลง -46%QoQ, -40%YoY มาอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท หลักๆจากยอดคอนโดที่ลดลงทั้ง QoQ และ YoY และรายได้ค่าบริหารโครงการที่ลดลงจากการทำ JV ใหม่น้อยลงในไตรมาส 4/66
ขณะที่ อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 4/66 ธุรกิจที่อยู่อาศัย อยู่ที่ 33.7% เพิ่มขึ้นจากฐานต่ำที่ 23.6% ในไตรมาส 3/66 จากผลกระทบการขาย Big lot ให้กับ RealX แต่ยังทรงตัวใกล้เคียงกับไตรมาส 4/65 ที่ 33.3%
ด้านค่าใช้จ่าย SG&A เพิ่มขึ้น +34%QoQ, +42%YoY หลักๆ เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายด้านการตลาด ตามการจำนวนการเปิดโครงการใหม่ที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานเพิ่มขึ้นจากการเร่งขยายธุรกิจ รวมถึงการจ่ายโบนัสให้แก่ในช่วงสิ้นปี ขณะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ JV ที่ 328 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +138%QoQ แต่ทรงตัว YoY จากโครงการ JV ใหม่ที่น้อยลง และยอดโอนจากโครงการ JV ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไรทั้งปี 66 อยู่ที่ 2.72 พันล้านบาท ลดลง -28%YoY
ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเป็นลบต่อผลประกอบการไตรมาส 4/66 ที่ลดลง YoY จากกำลังซื้อที่อยู่อาศัยที่อ่อนแอ ขณะที่ธุรกิจบริการและธุรกิจสร้างรายได้ประจำยังอยู่ในช่วงสร้างฐานในการเติบโต ส่งผลเรามองว่าในระยะสั้น ORI จะมีแรงขายจากผลประกอบการที่ออกมาน่าผิดหวังในไตรมาส 4/66
เบื้องต้น ORI ได้ประกาศแผนธุรกิจปี 67 เตรียมเปิดโครงการใหม่ 35 โครงการ มูลค่า 3.7 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 20 โครงการ มูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาท และคอนโด 15 โครงการ มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท แบ่งสัดส่วนตามทำเลเป็น กทม. 52% และ ต่างจังหวัด 48% โดยจะเปิดโครงการใหม่ในช่วงครึ่งแรกของปี67 ที่ 10 โครงการ มูลค่า 1.47 หมื่นล้านบาท
พร้อมกันนี้ บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลในช่วงครึ่งหลังของปี 66 ที่ 0.3 บาท คิดเป็น Div. yield ที่ 3.9% ขึ้น XD วันที่ 8 พ.ค. 67 รวมจ่ายปันผลทั้งปี 66 คิดเป็นยิลด์ 6% ดังนั้นแนะนำ “สับเปลี่ยนตัวลงทุน” ไปซื้อหุ้นที่มีความน่าสนใจทั้งในด้านผลประกอบการในปีนี้ เและ Div. yield งวดครึ่งแรกของปี66 ที่น่าสนใจมากกว่า อย่าง SPALI , LH และ AP
รอดูภาพเศรษฐกิจ
บทวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า ORI ไตรมาส 4/66 พิษเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้มีรายได้อสังหาฯ ที่ 1,715.5 ล้านบาท ลดลง -39.6y-y , ลดลง -45.8%q-q อ่อนตัวค่อนข้างมาก และในช่วง 9 เดือนปี66 มีการร่วมทุนไปเยอะแล้ว ทำให้มีรายได้ค่าบริหารโครงการเหลือเพียง 43.6 ล้านบาท ลดลง -92.6%y-y , -95.9%q-q เป็น 2 ธุรกิจหลักที่ทำให้รายได้รวมลดลงที่ 2,291.48 ล้านบาท ลดลง -41.7%y-y , -52.3%q-q
ส่วนของ GPM อสังหาฯกลับมาอยู่ ในระดับปกติที่ 33.7% มี SG&A เพิ่มขึ้นเยอะจากค่าการตลาด-โฆษณา และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานตามการขยายตัวของกลุ่มบริษัท ส่งผลให้มีขาดทุนปกติ 101.5 ล้านบาท แต่มีกำไรพิเศษจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อย(JV) และกลับรายการกำไรจากการต่อรองราคาซื้อโรงแรมในช่วงไตรมาส 3/66 สุทธิที่ 148.4 ล้านบาท ยังมีกำไรสุทธิ 46.9 ล้านบาท ลดลง -95.5%y-y , -95.3%q-q ต่ำกว่าคาดไปมากกำไรสุทธิทั้งปี 2,718.2 ล้านบาท ลดลง -28.0%y-y จ่ายปันผลเพิ่มอีก 0.30 บาท XD 8 พ.ค.67 จ่าย 23 พ.ค. 67
ปี 67 คาดเปิดตัว 34 โครงการรวม 3.7 หมื่นล้านบาท ลดลงกว่าปีก่อนไปตามสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว แบ่งเป็นแนวสูง 14 โครงการ มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท แนวราบ 20 โครงการ มูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาท แนะนำควรรอให้เห็นภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวก่อนลงทุน ซึ่งยังคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ ระวังราคาหุ้นผันผวนจากผลประกอบการที่อ่อนตัว ทางฝ่ายอาจมีการปรับราคาพื้นฐานหลังประชุมนักวิเคราะห์ ราคาพื้นฐาน 9.85 บาท คงคำแนะนำซื้อ
ปีนี้เปิด 35 โครงการใหม่
2.คอนโดมิเนียม ภายใต้บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ORIGIN VERTICAL จำนวน 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 20,000 ล้านบาท โดยแบ่งตามทำเลที่ตั้งโครงการเป็น กรุงเทพฯและปริมณฑล ประมาณ 52% และจังหวัดท่องเที่ยว จังหวัดเศรษฐกิจสำคัญ และจังหวัดอุตสาหกรรมสำคัญ อาทิ ชลบุรี พัทยา ภูเก็ต ขอนแก่น ประมาณ 48%
สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมในแถบกรุงเทพฯ-ปริมณฑล จะยังคงเดินหน้าขยายอาณาจักร Origin Pet Family อย่างต่อเนื่อง ตอบรับการเติบโตของกลุ่มคนโสดที่มีรายได้ แต่ไม่มีลูก (Single Income No Kids หรือ SINKs) และกลุ่มคู่รักที่มีรายได้ทั้งคู่แต่ไม่มีลูก (Double Income No Kids หรือ DINKs) ที่หันมาเลี้ยงสัตว์เสมือนลูกมากขึ้น และตอกย้ำฐานะผู้นำโครงการคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้สะสมมากที่สุดในตลาด
โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 67 นี้ บริษัทจะนำร่องเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 14,730 ล้านบาท เน้นแบรนด์คอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ขึ้นไปอย่าง โซ ออริจิ้น (So Origin) ออริจิ้น เพลส (Origin Place) และแบรนด์บ้านจัดสรรระดับไฮเอนด์และลักชัวรี่ขึ้นไปอย่าง แกรนด์ บริทาเนีย (Grand Britania) และ เบลกราเวีย (Belgravia)


