posttoday

NAT เปิดเทรดวันแรก 5.95 บาท เหนือจอง 10.19%

15 กุมภาพันธ์ 2567

NAT เปิดเทรด mai วันแรก 5.95 บาท พุ่ง 10.19% จากราคาไอพีโอ 5.40 บาท นำเงินระดมทุนไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 30% ตุนแบ็กล็อก 600 ล้านบาท จ่อประมูลงานใหม่ 2,000 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท แนท แอบโซลูท เทคโนโลยีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NAT เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) วันนี้ (15 ก.พ.2567) เป็นวันแรก ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยเปิดที่ราคา 5.95 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.55 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 10.19% จากราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 5.40 บาท

ล่าสุด ปิดซื้อขายช่วงเช้า เวลา 12.30 น. ปรับเพิ่มขึ้น 0.65 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 12.04% มาอยู่ที่ 6.05 บาท มูลค่าการซื้อขายรวม 911.22 ล้านบาท

NAT เปิดเทรดวันแรก 5.95 บาท เหนือจอง 10.19%

ทั้งนี้ NAT ประกอบธุรกิจบริการให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดหา จำหน่ายอุปกรณ์พร้อมติดตั้ง และรับเหมาวางระบบที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication Technology System Integration) และการให้บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร

NAT เสนอราคาขาย IPO ที่ 5.40 บาท/หุ้น จำนวนไม่เกิน 92,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 28.05% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลัง IPO โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ (งบการเงินเฉพาะกิจการ) หลังหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย และข้อบังคับของบริษัทในแต่ละปี แต่จะต้องไม่มีขาดทุนสะสมในส่วนของผู้ถือหุ้น

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

ทางด้านผลการดำเนินงานในปี 2563-2565 บริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 492.64 ล้านบาท 451.36 ล้านบาท และ 1,093.23 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 56.78 ล้านบาท 26.68 ล้านบาท และ 100.62 ล้านบาท ตามลำดับ

ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรก ปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 1,232.71 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 97.50 ล้านบาท  

นายสุธี อภิชนรัตนกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แนท แอบโซลูท เทคโนโลยีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NAT เปิดเผยว่า การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ของบริษัทในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทมีโอกาสในการขยายงานมากขึ้น ทั้งในแง่ของมูลค่างาน ความพร้อมของบุคลากร ตลอดจนรูปแบบการให้บริการ

โดยบริษัทมีแผนเพิ่มบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ อาทิ วิศวกร พนักงานฝ่ายขาย และบุคลากรทางด้านไอที เพื่อเพิ่มความพร้อมในการเข้ารับงานโครงการต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีขนาดใหญ่ขึ้น สามารถขยับมูลค่าการเข้ารับงานโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีขึ้นไปอยู่ที่ระดับหลายร้อยล้านบาทต่อโครงการ จากเดิมอยู่ในระดับสิบถึงร้อยล้านบาท 

อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสในการเข้ารับงานด้านการวางระบบ Cyber Security และ Software Development ตามความต้องการเฉพาะของลูกค้าองค์กรต่างๆ ได้มากขึ้นเช่นกัน

ทั้งนี้ แผนการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 30% จากปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 4/2566 ประมาณ 600 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ปีนี้ประมาณ 90%

ประกอบกับบริษัทมีแผนเข้าประมูลและรับงานโครงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีของทั้งภาครัฐและเอกชน มูลค่ารวมประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งในบางโครงการบริษัทได้มีการเข้าไปศึกษาระบบการดำเนินงาน ความต้องการของลูกค้า รวมถึงพิจารณาความเป็นไปได้ในการพัฒนาระบบร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ไว้แล้ว 

“ปัจจุบันสัดส่วนงานโครงการของบริษัทแบ่งเป็น งานภาครัฐจำนวน 85% งานเอกชนจำนวน 15% และ บริษัทมีอัตราการได้งานจากการเข้าประมูลในระดับสูง ด้วยจุดแข็งของบริษัทที่ให้บริการโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ด้วยความเชี่ยวชาญ และการผลิตภัณฑ์ทางเทคโนโลยีจากบริษัทระดับโลก ซึ่งความสามารถของบริษัทและโอกาสที่จะเข้ามาในอนาคต จะส่งผลให้บริษัทมี Backlog เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สอดรับกับศักยภาพทางการเงินของบริษัทจากการระดมทุนและสามารถสร้างสถิติสูงสุดทั้งรายได้และกำไรในปีนี้ได้อย่างแน่นอน” นายสุธี กล่าว 

นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า NAT เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในครั้งนี้ จะส่งเสริมให้บริษัทสามารถสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

โดยหลังจากการระดมทุน จะทำให้ศักยภาพของ NAT ที่มีฐานะการทางการเงินที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ยิ่งเติบโตยั่งยืนมากขึ้น จากการเพิ่มจำนวนบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้ารับงานระบบโครงสร้างของภาครัฐและเอกชน ที่มีแนวโน้มความต้องการพัฒนาประสิทธิภาพของระบบมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเชื่อว่า NAT จะเป็นหุ้นที่น่าสนใจ และเป็นหุ้น Growth Stock อีกหนึ่งตัวที่น่าจับตา

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จํากัด (มหาชน) หรือFSS ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ NAT กล่าวว่า บริษัทเชื่อว่า NAT จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งในการซื้อขายวันแรกและช่วงต่อจากนี้ จากการกำหนดราคา เสนอขายที่เหมาะสม ซึ่งสอดคล้องกับภาวะการลงทุนในปัจจุบัน และปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจที่มั่นคง ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีความพร้อมด้านกระแสเงินสด และกำไรสะสมที่อยู่ในระดับดี 

ประกอบกับความสามารถในการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ในระดับที่ดีมาโดยตลอด 

นอกจากนี้ บริษัทมีความพร้อมขยายธุรกิจในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งหมดทำสัญญาไม่จำหน่ายหุ้นโดยสมัครใจกับ FSS ทุกจำนวน

“มั่นใจว่า NAT จะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน ทั้งในแง่ของการเติบโตและการปันผลให้กับผู้ถือหุ้น ด้วยความโดดเด่นด้านความเชี่ยวชาญในการนำเสนอโซลูชันทางเทคโนโลยีที่ดีที่สุด เมื่อผนวกกับความต้องการพัฒนาประสิทธิภาพระบบเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมซึ่งมีทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ NAT สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่งในอนาคต” นายสมภพ กล่าว