posttoday

ตลท. สั่ง CMO แจงภายใน 27 ก.พ.นี้ หลังผล Special Audit พบพิรุธค่าใช้จ่าย

14 กุมภาพันธ์ 2567

ตลท. สั่ง CMO ชี้แจงแนวทางการปรับปรุงระบบควบคุมภายใน หลังผล Special Audit พบการจัดจ้างและจ่ายเงินให้กับบริษัทที่ปรึกษาโดยที่ไม่ได้รับบริการจริง 19.8 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายที่ไม่เหมาะสมของกลุ่มบริษัท 5.75 ล้านบาท รวม 25.55 ล้านบาท ภายใน 27 ก.พ.นี้

ตลาดหลักทรัพ์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ขอให้ บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) หรือ CMO ชี้แจงแนวทางการปรับปรุงระบบควบคุมภายใน กรณีผลการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (Special Audit)  ตามคำสั่งการของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)  สรุปได้ว่าบริษัทมีการจ่ายเงินค่าที่ปรึกษาที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการปฏิบัติงานร่วมกันกับบริษัท และมีการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายของบริษัท มูลค่าความเสียหายรวม 25.55 ล้านบาท 

โดยความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริหารของบริษัทและบริษัทที่ปรึกษา อาจสื่อถึงความไม่รัดกุมในการบริหารจัดการอันเป็นเหตุให้บริษัทเกิดความเสียหายทางการเงินได้ รวมถึงอาจสื่อได้ว่าอดีตผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ทางการเงินจากค่าใช้จ่ายที่ไม่เหมาะสมของกลุ่มบริษัท

ทั้งนี้ ให้ชี้แจงข้อมูลผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในวันที่ 27 ก.พ.2567 และขอให้ผู้ลงทุนศึกษารายงานตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษและติดตามคำชี้แจงของบริษัท

สำหรับข้อมูลสรุปผลรายงานผลการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (Special Audit) 2 เรื่อง ได้แก่ 1.การจัดจ้างและจ่ายเงินให้กับบริษัทที่ปรึกษาโดยที่ไม่ได้รับบริการจริง มูลค่าความเสียหาย 19.8 ล้านบาท

โดยผลการตรวจสอบ พบว่า การคัดเลือกบริษัทที่ปรึกษาอาจมิได้มีความชัดเจนรัดกุมเพียงพอคณะกรรมการบริหารว่าจ้างและคัดเลือกบริษัทที่ปรึกษา 4 ราย โดยไม่มีการพิจารณาเปรียบเทียบที่ปรึกษาที่บริษัทจัดจ้างกับคู่ค้ารายอื่น

ขณะที่บริษัทไม่มีหลักฐานอื่นเพิ่มเติมจากรายงานของบริษัทที่ปรึกษา 3 ราย (จากจำนวน 4 รายดังกล่าวข้างต้น) ที่สามารถใช้อ้างอิงหรือพิสูจน์ได้อย่างชัดเจน ว่ามีการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างบริษัทและบริษัทที่ปรึกษา

นอกจากนี้ พบความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริหารของบริษัท (ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และอดีตผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร) กับบริษัทที่ปรึกษาอาจสื่อถึงความไม่รัดกุมในการบริหารจัดการ อันเป็นเหตุให้บริษัทเกิดความเสียหายทางการเงินได้

2.ค่าใช้จ่ายที่ไม่เหมาะสมของกลุ่มบริษัท มูลค่าความเสียหาย 5.75 ล้านบาท โดยผลตรวจสอบ พบว่า กลุ่มบริษัทไม่ได้รับบริการจากคู่ค้า แต่ได้มีการจ่ายค่าใช้จ่ายออกไปจากกลุ่มบริษัทผ่านการจัดจ้างแบบไม่มีสัญญาและการเบิกเงินทดรองจ่ายของพนักงาน

ขณะเดียวกัน บริษัทและบุคคลผู้รับจ้างมีความเกี่ยวข้องกับอดีตผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซึ่งอาจสื่อได้ว่าเป็นผู้มีส่วนได้รับผลประโยชน์ทางการเงินจากค่าใช้จ่ายไม่เหมาะสมเหล่านี้

โดยกลุ่มบริษัทยังมีจุดอ่อนในระบบการควบคุมภายในที่ควรพิจารณาปรับปรุง ประกอบด้วย 

1) ขาดกระบวนการที่ชัดเจนและรัดกุมเพียงพอในการคัดเลือกผู้ค้า ผู้ให้บริการและบริษัทที่ปรึกษา
2) ขาดกระบวนการในการติดตามผลการปฏิบัติงานของคู่ค้า ผู้ให้บริการและบริษัทที่ปรึกษา 
3) ขาดกระบวนการพิจารณาผลการปฏิบัติงานของกลุ่มบริษัท และการตัดสินใจร่วมโดยคณะกรรมการบริหารของบริษัท

ประเด็นที่ขอให้บริษัทชี้แจง ได้แก่ แนวทางปรับปรุงระบบความคุมภายใน กำหนดเวลาที่คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จ ความเห็นของคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบต่อแนวทางการปรับปรุงระบบควบคุมภายในดังกล่าว