posttoday

EP ปักธงปี 67 รายได้พุ่ง 1,800 ล้าน หลังบุ๊กรายได้วินฟาร์มเวียดนาม 900 ล้าน

08 กุมภาพันธ์ 2567

EP กางแผนปี 67 ตั้งเป้ารายได้ 1,800 ล้านบาท หลังวินฟาร์มเวียดนาม COD ครบ 4 โครงการ 160 เมกะวัตต์ รับรู้รายได้กว่า 900 ล้านบาท บวกรายได้โรงพิมพ์-บรรจุภัณฑ์ และโซลาร์ รูฟท็อป) ในประเทศ อีก 900 ล้านบาท เล็งปรับทิศธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจโรงไฟฟ้า 100% ในอนาคต

นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทตั้งเป้าหมายมีรายได้ประมาณ 1,800 ล้านบาท เนื่องจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม HL3 กำลังผลิต 30 เมกะวัตต์ ในจังหวัด Quang Tri ประเทศเวียดนาม เปิดดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.2566 ในอตัรารับซื้อไฟฟ้า (Feed in Tariff หรือ FIT) ระยะแรกที่ 1,587.12 ดองเวียดนามต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง 

ทั้งนี้ บริษัทจะรับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าวทันที ประกอบกับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม จำนวน 2 โครงการ กำลังการผลิต โครงการละ 50 เมกะวัตต์ รวม 100 เมกะวัตต์ ในจังหวัด Gia Lai ประเทศเวียดนาม ได้ดำเนินการเชื่อมสายส่งเข้ากับสถานีไฟฟ้าย่อย Dien Hong / Chu Se ของการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) เป็นที่เรียบร้อย คาดว่าทั้ง 2 โครงการดังกล่าวจะสามารถเปิด COD ได้ในเดือน มี.ค.2567 

นอกจากนี้ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม HL4 กำลังผลิต 30 เมกะวัตต์ ในจังหวัด Quang Tri ประเทศเวียดนาม ได้ดำเนินการเชื่อมสายส่งเข้ากับสถานีไฟฟ้าย่อยเข้ากับสถานีไฟฟ้าย่อย Lao Bao ของ EVN เป็นที่เรียบร้อย คาดว่าจะสามารถเปิด COD ได้ในเดือน เม.ย.2567 ดังนั้นส่งผลให้ในปี 2567 บริษัทจะรับรู้รายได้จากทั้ง 4 โครงการดังกล่าว รวม 160 เมกะวัตต์ ประมาณ 900 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีรายได้จากโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (โซลาร์ รูฟท็อป) ในประเทศ ประมาณ 200-300 ล้านบาท/ปี และธุรกิจโรงพิมพ์-บรรจุภัณฑ์ รวมกันอีกประมาณ 900 ล้านบาท 

“EP ถือเป็นบริษัทไทยที่ COD โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม หลังโควิด-19 เป็นรายแรก ซึ่งเมื่อ COD จะรับรู้รายได้ทันที ดังนั้นในปี 2567 โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม HL3 จะรับรู้รายได้เต็มปี ส่วนอีก 3 โครงการที่เหลือ จะรับรู้รายได้เต็มปีในปี 2568 คาดว่าจะทำให้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม เพิ่มขึ้นเป็น 1,200 ล้านบาท ถือว่าบริษัทผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เพราะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าให้กับ EVN ระยะเวลา 20 ปี” นายยุทธ กล่าว 

ขณะเดียวกัน ในอนาคตบริษัทมีแผนเข้าสู่ธุรกิจโรงไฟฟ้า 100% โดยบริษัทยังคงสนใจศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจพลังงานทางเลือก “กรีนไฮโดรเจน” ในไทย ซึ่งจะเดินหน้าเจรจากับพันธมิตร หลังจากได้เปิด COD โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนามทั้ง 4 โครงการ