เปิดกลยุทธ์ LST ก้าวสู่ปีที่ 51 รุกขยายกลุ่มพรีเมียม รักษาผู้นำตลาด Soft Oil
กางแผนปี 67 “ล่ำสูง” หรือ LST ก้าวสู่ปีที่ 51 ชูกลยุทธ์ขยายน้ำมันกลุ่มพรีเมียมมากขึ้น รักษาผู้นำตลาด Soft Oil พร้อมปักธงภายใน 5 ปี ขึ้นแท่นเบอร์ 1 น้ำมันปาล์ม ลุยเพิ่มสัดส่วนยอดขายออนไลน์เป็น 10% ภายใน 1-2 ปี
นายภูมิเกียรติ โชติชัยชรินทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ LST เปิดเผยว่า ปี 2567 บริษัทก้าวสู่ปีที่ 51 โดยแผนการดำเนินงานมุ่งเน้นการขยายน้ำมันกลุ่มพรีเมียม หรือ Soft Oil มากขึ้น เนื่องจากมองว่าในระยะยาวผู้บริโภคมีความใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ทำให้ Soft Oil มีโอกาสเติบโต โดยปัจจุบันบริษัทเป็นผู้นำตลาด Soft Oil มีส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) อันดับ 1
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของบริษัท มาจาก Palm Based Products คิดเป็นประมาณ 85% ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 15% มาจาก Soft Oil และ Fat & Flour
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจหลักของบริษัทยังคงเป็นน้ำมันปาล์ม ดังนั้นบริษัทตั้งเป้าหมายมีมาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 ในตลาดน้ำมันปาล์ม ภายใน 5 ปี จากปัจจุบัน น้ำมันปาล์ม “หยก” มีมาร์เก็ตแชร์อยู่อันดับ 2 รองจาก “มรกต”
“การจะขึ้นเบอร์ 1 ได้ แต่ละหมวดหมู่ต้องมี Product Innovation ที่เหมาะสมกับผู้บริโภค ส่วนการจะเปลี่ยนไป Soft Oil ส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในการให้ความรู้กับผู้บริโภค ขณะที่การลงทุนเครื่องจักร เทคโนโลยี ไม่เยอะเท่าการให้ความรู้กับผู้บริโภค” นายภูมิเกียรติ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทมองเห็นแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจเบเกอรี่ และอุตสาหกรรมขนม ดังนั้นจึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของบริษัทด้วย ในกลุ่มมาการีน ไขมันพืชผสม และเนยอื่นๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มดังกล่าว รวมทั้งบริษัทจะมีการออกผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้เป็น Consumer size ภายใน 1-2 ปีนี้
ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และดำเนินธุรกิจด้วยกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน คือ NICE ที่ครอบคลุมในมิติความยั่งยืนทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปสู่ “การบริโภคที่เป็นมิตรและยั่งยืน”
โดย N มาจาก Ensure: มั่นใจว่าเรามีการใช้ทรัพยากรและพลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่คุณค่า, I มาจาก Innovate: คิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยระดับโลกด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง ส่วน C มาจาก Conduct: ดำเนินธุรกิจภายใต้นโยบายการกำกับดูแลกิจการ อย่างโปร่งใสและมีความรับผิดชอบ และ E มาจาก Educate: การให้และเพิ่มพูนความรู้แก่ประชาชน เพื่อให้เข้าใจและตระหนักถึงการบริโภคอย่างยั่งยืน
อีกทั้งบริษัทยังตั้งเป้าหมายมีสัดส่วนยอดขายออนไลน์เพิ่มเป็น 10% ภายใน 1-2 ปี จากปัจจุบันมีสัดส่วนไม่ถึง 10% เนื่องจากมีการเติบโตดี และมุ่งเน้นทำการตลาดผ่านสื่อออนไลน์ ส่วนที่เหลือเป็นยอดขายออฟไลน์