เช็คหุ้นกู้เอกชน 16 กลุ่มอุตสาหกรรม ใครเสี่ยงมาก-น้อยแค่ไหน?
เปิดความเสี่ยงหุ้นกู้เอกชน 16 กลุ่มอุตสาหกรรม พบ “กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง” เป็นเพียงกลุ่มเดียวที่มีความเสี่ยงสูง ครบกำหนดปีนี้ มูลค่ารวม 79,050 ล้านบาท ส่วน 2 กลุ่ม “อสังหาฯ-ปิโตรเคมี” มีความเสี่ยงปานกลาง ครบกำหนดปีนี้ มูลค่ารวม 307,936 ล้านบาท และ 174,325 ล้านบาท ตามลำดับ
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยข้อมูลหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในแต่ละปีตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป ของหุ้นที่ฝ่ายวิจัยฯทำการศึกษา โดยมีรายละเอียด ดังนี้
กลุ่มท่องเที่ยว
CENTEL (Rating A - / Tris) ตราสารหนี้ที่ครบกำหนดชำระภายในปี 2567 ราว 600 ล้านบาท ขณะที่สัดส่วน D/E ณ สิ้นงวดไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 0.7 เท่า จึงมองความเสี่ยงทางการเงินต่ำ
ERW ไม่มีการใช้ตราสารหนี้ ความเสี่ยงจากความกังวลด้านตราสารหนี้ ต่ำสุดในกลุ่มฯ
MINT (Rating A / Tris) ตราสารหนี้ที่ครบกำหนดชำระภายในปี 2567 ราว 11,000 ล้านบาท ในเชิง Net gearing ณ สิ้นงวดไตรมาส 3/2566 ที่ 1เท่า ต่ำกว่า Debt covenant ที่ 1.75 เท่า และกรอบการบริหารภายในของบริษัทที่ 1.3 เท่า ขณะที่เงินสดในมือ ณ สิ้นงวดไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 20,000 ล้านบาท จึงประเมินอยู่ในการบริหารจัดการ
โดยในกลุ่มโรงแรม ภายใต้เศรษฐกิจจีนที่อ่อนแรง ส่งผลต่อเนื่องถึงภาคท่องเที่ยวไทย ทำให้ MINT ที่โครงสร้างโรงแรมอยู่ใน EU ราว 50% ของรายได้ ซึ่งพึ่งพาจีนน้อย ประเมินแรงกดดันจากการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของเศรษฐกิจจีนต่ำกว่ากลุ่มฯ
กลุ่มจำนำทะเบียน
ถือเป็นกลุ่มที่ใช้ Financial leverage สูง เพื่อนำเงินไปปล่อยสินเชื่อ อย่างไรก็ดี สัดส่วน D/E หุ้นในกลุ่มฯ ยังอยู่ในเกณฑ์ Debt covenant หรือกรอบการบริหารจัดการโครงสร้างเงินทุนภายในของแต่ละบริษัทที่คุมไม่ให้เกิน 4 เท่า
MTC (Rating BBB+ / Tris) ตราสารหนี้ที่ครบกำหนดชำระภายในปี 2567 ราว 25,000 ล้านบาท โดยสัดส่วน D/E ณ สิ้นงวดไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 3.7 เท่า ยังอยู่ในกรอบการบริหาร
SAWAD (Rating BBB+ / Tris) ตราสารหนี้ที่ครบกำหนดชำระภายในปี 2567 ราว 9,800 ล้านบาท โดยสัดส่วน D/E ณ สิ้นงวดไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 2.7 เท่า อยู่ในกรอบการบริหารจัดการ
TIDLOR (Rating A / Tris) ตราสารหนี้ที่ครบกำหนดชำระภายในปี 2567 ราว 8,300 ล้านบาท โดยสัดส่วน D/E ณ สิ้นงวดไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 2.4 เท่า อยู่ในกรอบการบริหารจัดการ
กลุ่มนิคมฯ
มีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจาก rating ของบริษัทนิคมฯ อยู่ในเกณฑ์ดี บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรต่อเนื่อง ประกอบกับฐานะการเงินแข็งแกร่งสะท้อนจาก net gearing ratio ที่ 0.6-0.9 เท่า นอกจากนี้ หุ้นกู้บริษัทนิคมฯ มีอายุไม่เกิน 5 ปี
กลุ่มวัสดุก่อสร้าง
มีความเสี่ยงต่ำ แม้ปีนี้มีหุ้นกู้ครบกำหนดสูงถึง 76,000 ล้านบาท แต่เนื่องจากบริษัทในกลุ่มมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และมีปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจดี ทุกบริษัทมีเครดิตเรตติ้งสูง SCC (A), SCCC (A) และ TPIPL (A-)
กลุ่มมีเดีย
มีความเสี่ยงต่ำ ไม่มีหุ้นกู้ครบกำหนดในปีนี้ และบริษัทในกลุ่มที่ฝ่ายวิจัยวิเคราะห์มีฐานะการเงินค่อนข้างดี
กลุ่มบรรจุภัณฑ์
มีความเสียงต่ำ โดยบริษัทในกลุ่มที่ฝ่ายวิจัยวิเคราะห์ คือ SCGP มีฐานะการเงินดี และมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง
กลุ่มขนส่ง
มีความเสี่ยงต่ำ บริษัทที่ออกหุ้นกู้อยู่ในธุรกิจขนส่งมวลชน อย่าง BTS และ BEM มีเครดิตเรตติ้งสูง และมีกระแสเงินสดเข้ามาสม่ำเสมอ มีอายุหุ้นกู้ยาว และกระจายตัวครบกำหนดในแต่ละปี ไม่กระจุกตัวในปีใดปีหนึ่งเป็นพิเศษ
กลุ่มการแพทย์
ไม่มี concern ที่มีนัยสำคัญ เนื่องจากมีเพียง BDMS ตัวเดียวที่ออกหุ้นกู้ โดยครบกำหนดชำระจำนวน 1,500 ล้านบาท ในปี 2567 จากมูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท ซึ่งมีกระกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่เพียงพอในการ service debt. Interest coverage ในงวด 9 เดือนแรก ปี 2566 มากกว่า 40.3 เท่า
กลุ่มพลังงาน
โดยภาพรวมมีความเสี่ยงต่ำ แม้ปีนี้มีหุ้นกู้ครบกำหนดสูงถึง 60,000 ล้านบาท แต่เนื่องจากบริษัทในกลุ่มมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และมีปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจดี เกือบทุกบริษัทมีเครดิตเรตติ้งสูง PTT (AAA), PTTEP (AAA) มีเพียง BANPU
ที่มีหนี้รวมค่อนข้างสูงรวมกว่า 83,000 ล้านบาท แต่ยังได้รับเครดิตเรทติ้งในระดับที่ดี A+ อาจจะต้องมีการติดตามใกล้ชิด
กลุ่มโรงไฟฟ้า
โดยภาพรวมมีความเสี่ยงต่ำ แม้ปีนี้มีหุ้นกู้ครบกำหนดถึง 41,000 ล้านบาท แต่เนื่องจากบริษัทในกลุ่มมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และมีปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจดี รวมถึงลักษณะธุรกิจจะเป็นการกู้ยืมในสัดส่วนสูง D/E ราว 3:1 ของแต่โครงการโรงไฟฟ้า จึงทำให้มูลหนี้ค่อนข้างสูง อันดับเครดิตเรทติ้งอยู่ในกรอบ AA+ ถึง BBB
กลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF และ TU)
มีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากทั้ง 2 บริษัท มีเครดิตเรตติ้งสูงระดับ A+ นอกจากนี้ หุ้นกู้มีอายุยาว กระจายตัวครบกำหนดในแต่ละปี โดยปีนี้ครบ 28,000 ล้านบาท (คิดเป็น 12% ของหุ้นกู้ทั้งหมด)
กลุ่มปิโตรเคมี
มีความเสี่ยงปานกลาง บริษัทที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ คือ IVL (AA-) เพราะหนี้รวมค่อนข้างสูงถึง 84,000 ล้านบาท ในขณะที่ธุรกิจยังมีความผันผวนด้านกำไร เพราะอิงกับราคา commodity ซึ่งแปรผันตามเศรษฐกิจ ต้องให้ความระมัดระวัง
กลุ่มอสังหาฯ (พัฒนาที่อยู่อาศัยและเพื่อเช่า)
มีความเสี่ยงปานกลาง แม้ปีนี้มีหุ้นกู้ครบกำหนดสูง 106,000 ล้านบาท (สัดส่วน 35% ของหุ้นกู้ทั้งหมด) แต่ส่วนใหญ่อยู่ใน
กลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ เช่น LH, CPN, FPT, SIRI, SPALI, PSH และ AP ที่มีธุรกิจมั่นคง การเงินค่อนข้างดี
สำหรับบริษัทที่มีผลขาดทุน และอัตราหนี้สินต่อทุนสูงกว่ากลุ่มฯ อย่าง ANAN ปีนี้มีหุ้นกู้ครบ 7,000 ล้านบาท ได้คืนสำหรับเดือน ม.ค.แล้ว 3,800 ล้านบาท ที่เหลือ 3,200 ล้านบาท จะครบเดือน ก.ค.2567
ส่วน PF ปีนี้ ครบรวม 6,700 ล้านบาท เตรียมคืนหุ้นกู้ในไตรมาส 1/2567 รวม 2,680 ล้านบาท เรียบร้อยแล้ว สำหรับหุ้นกู้ที่เหลือต้องติดตามต่อไป
กลุ่ม ICT
ที่ฝ่ายวิจัยศึกษาและมีการออกหุ้นกู้ คือ ADVANC, TRUE, และ JMART โดยมีมูลค่าคงค้างอยู่รวมกันราว 220,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่ 180,000 ล้านบาท เป็นของ TRUE ซึ่งในปี 2567 จะครบกำหนดราว 36 ,000 ล้านบาท แต่บริษัทยังมีกระแสเงินสดในการดำเนินงานปีละราว 70,000 ล้านบาท รวมไปถึงยังมีวงเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินอีกราว 50,000 ล้านบาท นอกจากนี้จากเรตติ้งของบริษัทที่ A+ น่าจะช่วยให้สามารถกู้ยืมเพิ่มเพื่อมาชำระหุ้นกู้ที่ครบกำหนดได้
กลุ่มพาณิชย์
ที่ฝ่ายวิจัยศึกษาและมีการออกหุ้นกู้ คือ BJC, CRC, CPALL, CPAXT, HMPRO และ DOHOME มีมูลค่าหุ้นกู้คงค้างรวมกัน 350,000 ล้านบาท โดยบริษัทที่มีหุ้นกู้ในมูลค่ามากสุด คือ CPALL ที่ 220,000 ล้านบาท (ไม่รวม Perpetual bond 10,000 ล้านบาท)
รองลงไปเป็น BJC ที่ 89,000 ล้านบาท โดยในปี 2567 มีหุ้นกู้ของ CPALL, BJC และ HMPRO ที่จะครบกำหนด 29,000 ล้านบาท, 23,000 ล้านบาท และ 4,000 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งเชื่อว่าทุกบริษัทจะไม่มีปัญหา จากฐานะการเงินที่ยังแข็งแกร่ง และเรตติ้งของบริษัทในระดับ A+ (CPALL), A (BJC) และ A- (HMPRO) ที่จะสนับสนุนให้ยังสามารถก่อหนี้เพิ่มได้
กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง บริษัทที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ คือ NWR และ ITD เพราะมีหุ้นกู้ครบกำหนดปีนี้ค่อนข้างมาก ในขณะที่ธุรกิจหลักยังมีผลขาดทุนและมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนสูงมาก ส่วน UNIQ และ SQ ซึ่งมีเครดิตเรตติ้ง BBB- และมีฐานกำไรต่ำ ก็ต้องให้ความระมัดระวังเช่นเดียวกัน
มูลค่าหุ้นกู้ที่ครบกำหนดในแต่ละปี จำแนกเป็นรายอุตสาหกรรม


