posttoday

เปิดไทม์ไลน์! CMO ถูกฟ้องคดีฮั้วประมูลงาน Universal Exhibition Milano 2015

15 มกราคม 2567

CMO ชี้แจงปมถูกฟ้องร้องคดีฮั้วประมูลงาน Universal Exhibition Milano 2015 แฉโยงข้าราชการ เอกชน และบุคคลธรรมดาหลายราย แต่มีเพียงบริษัทรายเดียวที่ถูกดำเนินคดีต่อศาล ล่าสุด เชิญทนายความให้ความเห็น พร้อมต่อสู้คดี ชี้มีโอกาสสูงชนะคดี ไม่เกิดความเสียหายกับบริษัท

บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) หรือ CMO เปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2566 บริษัทได้ถูกพนักงานอัยการฟ้องคดีอาญาต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ปรากฏเป็นคดีหมายเลขดำที่ อท 213/2566 ระหว่างพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 โจทก์กับ บริษัท ซีเอ็มโอ
จำกัด (มหาชน) จำเลย

บริษัทในฐานะผู้ถูกฟ้องคดีขอชี้แจงถึงข้อเท็จจริงและเนื้อหาของคดีที่ไม่กระทบต่อรูปคดี อันเป็นการเปิดเผยข้อมูลให้แก่นักลงทุนและผู้ถือหุ้นทราบ โดยมีรายละเอียดดังนี้

เมื่อประมาณปี 2554 คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการให้ประเทศไทยเข้าร่วมงาน Universal Exhibition Milano 2015 ณ เมืองมิลาน สาธารณรัฐอิตาลี ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม ถึง 31 ตุลาคม 2558 โดยมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสกหรณ์ เป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบการเข้าร่วมงาน วงเงินงบประมาณ 736,890,000 บาท

ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2556 คณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษได้ร่วมกันพิจารณาคัดเลือกรายชื่อบริษัทและนิติบุคคล จำนวน 10 ราย เพื่อเชิญชวนให้เข้าเสนองาน

ในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2556 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) ได้รับเรื่องกล่าวหา (บัตรสนเท่ห์) เกี่ยวกับงาน Universal Exhibition Milano 2015 (EXPO MILANO 2015, ITALY)

ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2556 มีบริษัทแจ้งความประสงค์ในการยื่นเสนองาน จำนวน 2 ราย คือ 1. บริษัท และ กิจการร่วมค้า A

ในวันที่ 16 ธันวาคม 2556 กำหนดให้มีการยื่นซองข้อเสนอทางเทคนิคและราคาค่าจ้างงานพร้อมวางหลักประกันซอง

ในวันที่ 19-20 ธันวาคม 2556 เป็นวันนำเสนองานของนิติบุคคลทั้งสอง และปรากฏว่าคณะกรรมการจัดจ้างฯ ได้พิจารณาให้ กิจการร่วมค้า A ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะ

ในวันที่ 17 มีนาคม 2566 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่บริษัท โดยกล่าวหาว่า บริษัทโดยกรรมการผู้มีอำนาจในขณะนั้น ร่วมกันกับกิจการร่วมค้า A ในการเสนอราคา เพื่อวัตถุประสงค์ที่จะให้ประโยชน์แก่กิจการร่วมค้า A เป็นผู้มีสิทธทำสัญญากับสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม ต่อมาเมื่อปี 2559 นาย B ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งกิจการร่วมค้า A ได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท และเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2560 ได้เข้ามาเป็นกรรมการของบริษัท

ต่อมาในวันที่ 18 เมษายน 2566 บริษัทได้จัดทำชี้แจงยื่นให้แก่คณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาในทุกๆ ประเด็น ซึ่งประเด็นหลักคือ บริษัทได้ทำการเสนอราคาอย่างตรงไปตรงมา ไม่เคยมีการเจรจาตกลงอะไรใดๆ ต่อกัน การนำเสนองานได้ถูกนำเสนอโดยผู้บริหารระดับสูงของบริษัท การจัดทำรูปแบบในรายละเอียดการเสนองานจัดทำด้วยความสวยงามเหมาะสมกับงานระดับนานาชาติ

ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ป.ป.ช. ได้มอบหมายให้เจ้าพนักงานดำเนินการกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง กล่าวหานิติบุคคล จำนวนทั้งสิ้น 4 ราย และบุคคลทั้งสิ้น จำนวน 2 ราย

ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนมายังพนักงานอัยการและในวันที่ 13 ธันวาคม 2566 พนักงานอัยการได้มีคำสั่งฟ้องบริษัท

โดยในวันที่ 15 ธันวาคม 2566 พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องนิติบุคคล 2 ราย ส่วนนิติบุคคลอีก 1 ราย และบุคคลธรรมดา 2 รายนั้น พนักงานสอบสวนไม่สามารถนำตัวมาส่งฟ้องได้ทันภายในกำหนดอายุความ คือ วันที่ 16 ธันวาคม 2566

พฤติการณ์และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเกี่ยวเนื่องกับข้าราชการ เอกชน และบุคคลธรรมดาหลายราย แต่สุดท้ายแล้วมีเพียงบริษัทรายเดียวที่ถูกดำเนินคดีต่อศาล

บริษัทได้มีการจัดหาทนายความที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในคดีอาญาของศาลคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อว่าความแก้ต่างในความผิดดังกล่าวให้กับบริษัท ทั้งนี้ ในระหว่างเหตุการณ์นับตั้งแต่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวหา บริษัทมั่นใจว่าไม่ได้กระทำตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด พร้อมทั้งเชื่อมั่นในระบบกระบวนการยุติธรรม บริษัทได้ทำการชี้แจงโดยละเอียดตั้งแต่ชั้นคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้การปฏิเสธในชั้นตำรวจ ให้ความร่วมมือชั้นอัยการจนดำเนินการมาถึงชั้นศาล บริษัทได้จัดเตรียมข้อเท็จจริงของคดีและข้อต่อสู้ต่างๆ ไว้แล้ว

ในการประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 2/2567 เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2567 บริษัทได้เชิญทนายความผู้เชี่ยวชาญในคดีลักษณะดังกล่าวเข้ามาอธิบายรายละเอียดและให้ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นในการต่อสู้คดี ซึ่งมีประโยชน์กับบริษัท ทำให้มีโอกาสสูงที่จะชนะคดีนี้และไม่เกิดความเสียหายใดๆ กับบริษัท