posttoday

FETCO จ่อถกคลังต้นปี 67 เสนอจัดตั้งกองทุนรวมเพื่อการศึกษา

11 ธันวาคม 2566

FETCO เล็งหารือคลังต้นปี 67 เสนอจัดตั้งกองทุนรวมเพื่อการศึกษา และเตรียมส่งหนังสือของบสนับสนุนจาก CMDF รวม 80 ล้านบาท เพื่อจัดทำ 4 โครงการ “บทวิเคราะห์หุ้นขนาดเล็ก-ESG Portal-Single Portal-SMEs Rating”

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า ในต้นปี 2567 ทาง FETCO จะเข้าหารือกับกระทรวงการคลัง เพื่อเสนอจัดตั้งกองทุนอื่นๆ ต่อไป เช่น กองทุนรวมเพื่อการศึกษา เป็นต้น หลังจากได้มีการจัดตั้ง “กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน” (Thailand ESG Fund : Thai ESG) ซึ่งได้เปิดเสนอขายพร้อมกันไปแล้วเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2566 เป็นวันแรก จำนวน 22 กองทุน จาก 16 บริษัทจัดการลงทุน (บลจ.)

นอกจากนี้ FETCO เตรียมทำหนังสือถึงกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) ภายใน 1-2 เดือนนี้ เพื่อขอเงินสนับสนุนจำนวน 4 โครงการ โครงการละ 20 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 80 ล้านบาท 

สำหรับ 4 โครงการดังกล่าว ประกอบด้วย 1.โครงการวิเคราะห์หุ้นขนาดเล็ก โดยจะนำเงินที่ได้รับการสนับสนุนมาใช้สำหรับตั้งทีมงานในการทำบทวิเคราะห์หุ้นขนาดเล็กในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มได้ในไตรมาส 1/2567 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อปิดจุดมืดของตลาดทุนไทย 

โดยโครงการวิเคราะห์หุ้นขนาดเล็กดังกล่าว เป็นการช่วยให้นักลงทุนรายย่อยมีข้อมูลของหุ้นขนาดเล็กก่อนตัดสินใจลงทุน และยังช่วยเพิ่มคุณภาพให้กับบริษัทเหล่านี้ให้มีความโปร่งใสมากขึ้น เนื่องจากเมื่อมีการทำบทวิเคราะห์ จะทำให้การทำบัญชีไม่เหมาะสมทำได้ยากขึ้น   

ทั้งนี้ จากข้อมูลที่ผ่านมาพบว่า บจ.ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีประมาณ 800 บริษัท แต่มีการทำบทวิเคราะห์เพียง 200-300 บริษัทเท่านั้น

2.โครงการ ESG Portal เพื่อเป็นช่องทางแหล่งร่วมความรู้เกี่ยวกับ ESG ไว้ในที่เดียวกัน รวมไปถึงการจัดเทรนนิ่ง เนื่องจากยังไม่มีประเทศใดเป็นผู้นำด้าน ESG ในอาเซียน 

3.โครงการ Single Portal เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการสามารถสมัครหรือดำเนินการต่างๆ ได้ในช่องทางเดียวครอบคลุมทั้งหมด

และ 4.โครงการ SMEs Rating เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้น 

ก่อนหน้านี้ ได้รับเงินสนับสนุนจาก CMDF จำนวน 20 ล้านบาท เพื่อทำโครงการ Regulatory Guillotine ในการทบทวนกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน เพื่อยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ที่หมดความจำเป็นหรือไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ หรือที่เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตหรือการประกอบอาชีพเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน โดยใช้วิธีที่รวดเร็วโปร่งใส ใช้ต้นทุนต่ำ และมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง