ตลาดหุ้นไทยปิดลบ 7.51 จุด รับแรงกดดันหุ้นโรงไฟฟ้า-เศรษฐกิจจีนกดดัน
ตลาดหุ้นไทยปิดร่วง 7.51 จุด โบรกฯ ชี้รับแรงกดดันหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า หลังกระทรวงพลังงานไม่เห็นด้วยที่จะปรับขึ้นค่า Ft ไปสู่ระดับ 4.68 บาท/หน่วย และตลาดยังถูกกดดันจากเศรษฐกิจจีน หลังดัชนี PMI ภาคผลิต ต่ำคาด ประเมินกรอบการเคลื่อนไหววันพรุ่งนี้ 1,370-1,385 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นไทย วันนี้ (30 พ.ย.) ปิดตลาดที่ 1,380.18 จุด ปรับลดลง 7.51 จุด หรือลดลง 0.54% มูลค่าการซื้อขาย 76,183.57 ล้านบาท ระหว่างวันขึ้นไปทำระดับสูงสุดที่ 1,390.04 จุด และลงไปต่ำสุดที่ 1,371.74 จุด สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 268.79 ล้านบาท บัญชี บล. ขายสุทธิ 370.43 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 3,704.82 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ ซื้อสุทธิ 3,806.46 ล้านบาท
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลดลง รับแรงกดดันจากกลุ่มโรงไฟฟ้า หลังจากกระทรวงพลังงานไม่เห็นด้วยที่จะปรับขึ้นค่า Ft ไปสู่ระดับ 4.68 บาท/หน่วย ประกอบกับนายกรัฐมนตรีก็มองว่าระดับดังกล่าวสูงเกินไป
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากเศรษฐกิจจีน หลังรายงาน PMI ภาคผลิตเพียง 49.4 ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 49.8 สำหรับประเด็นปรับหุ้นเข้า/ออก ในดัชนี MSCI มีผลเพียงเล็กน้อย ในส่วนของราคาปิด
โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคืนนี้ ได้แก่ การประชุม OPEC+ ซึ่งนักลงทุนคาดว่าจะเห็นการขยายระยะเวลาในการลดกำลังการผลิตออกไป และรายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ Bloomberg Consensus คาดที่ 2.19 แสนราย หากรายงานสูงกว่าคาดมองเป็นบวกกับตลาดหุ้น
สำหรับแนวโน้มวันพรุ่งนี้ (1 ธ.ค.) ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1,370-1,385 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 4,490.25 ล้านบาท ปิดที่ 52.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 3,508.48 ล้านบาท ปิดที่ 59.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
RATCH มูลค่าการซื้อขาย 3,063.02 ล้านบาท ปิดที่ 32.50 บาท ลดลง 2.50 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,961.05 ล้านบาท ปิดที่ 128.00 บาท ลดลง 3.50 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,922.73 ล้านบาท ปิดที่ 34.75 บาท ลดลง 0.25 บาท


