posttoday

MGI เคาะราคาไอพีโอ 4.95 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อ 4, 6 และ 7 ธ.ค. จ่อเทรด mai ธ.ค.นี้

29 พฤศจิกายน 2566

“มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล” หรือ MGI เคาะราคาไอพีโอ 4.95 บาท เปิดจองซื้อ 4, 6 และ 7 ธ.ค.66 ปักธงเทรด mai ภายใน ธ.ค.นี้ หมวดธุรกิจสินค้าอุปโภค บริโภค นำเงินระดมทุนขยายศักยภาพการเติบโตแบบไร้ขีดจำกัด

นายธวัทชัย แพร่แสงเอี่ยม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI เปิดเผยว่า บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI ได้กำหนดราคาเสนอขาย IPO ที่หุ้นละ 4.95 บาท จะเปิดให้นักลงทุนจองซื้อในวันที่ 4, 6 และ 7 ธ.ค.นี้ และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในเดือน ธ.ค.2566 ในหมวดธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค

สำหรับราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 4.95 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) เท่ากับ 11.76 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2565-30 ก.ย.2566 ทั้งนี้ MGI พิจารณานำ P/E ของคู่เทียบในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในช่วงระยะเวลา 12 เดือนย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย.2565-3 พ.ย.2566 มาเป็นข้อมูลประกอบการเปรียบเทียบ 

ทั้งนี้ MGI เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 60  ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 28.57% ของจํานวนหุ้นที่ออกและเรียกชําระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ ได้แต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย พร้อมด้วย ผู้ร่วมจัดจำหน่ายอีก 2 ราย ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน)

อย่างไรก็ตาม MGI พร้อมเดินหน้าจัดงานโรดโชว์ นำเสนอข้อมูลสรุปการเสนอขายหุ้น IPO ต่อนักลงทุนรายย่อย ชูปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของธุรกิจ และจุดเด่นของ MGI เป็นบริษัทชั้นนำ ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญกว่า 10 ปี มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการพาณิชย์จากการจัดประกวดนางงาม “มิสแกรนด์ ไทยแลนด์” และ “มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล” การบริหารจัดการศิลปิน และการจัดจำหน่ายสินค้าต่างๆ ได้แก่ สินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัท เช่น แบรนด์ “Miss Grand”, “NangNgam” และ MGI และสินค้าภายใต้ตราสินค้าอื่นๆ เป็นต้น

นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MGI กล่าวว่า การเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนประมาณ 284 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) เพื่อใช้สำหรับลงทุนปรับปรุงตกแต่งอาคาร จำนวนเงินที่ใช้โดยประมาณ 40 ล้านบาท ภายในปี 2566-2567, ลงทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้า และผลิตรายการ เพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้ในทุกช่องทาง จำนวนเงินที่ใช้โดยประมาณ 50 ล้านบาท ภายในปี 2566-2567

นอกจากนี้ นำไปลงทุนพัฒนาขีดความสามารถของระบบสารสนเทศ (Information Technology) จำนวนที่ใช้ราว 20 ล้านบาท ภายในปี 2566-2567 และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้เติบโตก้าวกระโดดได้ในอนาคต

โดยมั่นใจว่าหลังจากระดมทุนครั้งนี้ จะสนับสนุนฐานทุนบริษัทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เตรียมพร้อมสำหรับขยายไปยังโอกาสใหม่ๆ ให้ผู้ถือหุ้นทุกท่านร่วมเติบโตไปกับเรา และสนับสนุนให้ MGI ก้าวสู่การเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการพาณิชย์และเจ้าของเวทีประกวดนางงามรายแรกที่สามารถเข้ามาจดทะเบียนในตลาดทุน ด้วยชื่อเวทีที่ทางบริษัทเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นและเป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทเอง ซึ่งถือเป็นเวทีประกวดนางงามเพียงรายเดียวในประเทศไทย ที่ดำเนินการจัดกิจกรรมด้วยรูปแบบนี้ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขัน ทั้งในเวทีระดับประเทศ (MGT) และเวทีระดับนานาชาติ (MGI) จึงอยากให้ผู้ถือหุ้นทุกท่านร่วมเติบโตไปกับเรา 

ทั้งนี้ บริษัทมีเป้าหมายเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการประกวดนางงามทั้งระดับประเทศและระดับนานาชาติ ให้เป็นเวทีนางงามที่ได้รับกระแสนิยมมากที่สุด ภายใต้คำขวัญขององค์กร “นับจากนี้ทุกพื้นที่มีแต่แกรนด์” ทำให้มีผู้คนติดตามและมีส่วนร่วม (Engagement) ในประสบการณ์ จากแบรนด์ของบริษัทในการต่อยอดไปสู่ธุรกิจของบริษัทที่เกี่ยวข้องทุกสายงาน รวมทั้งส่งมอบสินค้าและบริการแก่ลูกค้าให้ประทับใจที่สุด ซึ่งจะเป็นโอกาสในการสร้างรายได้และกำไรในอนาคต พร้อมพัฒนาและเสริมสร้างการเรียนรู้ให้แก่บุคลากรอย่างต่อเนื่อง

สำหรับผลการดำเนินงานของ MGI ในปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 319.86 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 47.85 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 432.45 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 77.13 ล้านบาท เทียบกับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 มีรายได้รวม 222.02 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 36.59 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจพาณิชย์ของบริษัทเติบโตขึ้นจากการจัดกิจกรรมให้ผู้เข้าประกวดมิสแกรนด์ขายสินค้าของบริษัทผ่านช่องทางจำหน่ายใหม่ คือ TikTok ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และเป็นช่องทางขายถึงผู้บริโภคโดยตรง ทำให้บริษัทสามารถขายสินค้าโดยไม่ต้องเสียส่วนแบ่งรายได้ให้ตัวแทนจำหน่ายหรือผู้ค้าส่งแต่อย่างใด ส่งผลให้รายได้และอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจพาณิชย์ปรับสูงขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว 

รวมถึงธุรกิจสื่อและบันเทิง และธุรกิจบริหารจัดการศิลปิน มีการเติบโตขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 ซึ่งขณะนั้นยังเป็นช่วงเวลาที่บริษัทเพิ่งเริ่มได้รับกระแสจากความนิยมจาก นางสาวอิงฟ้า วราหะ และนางสาวชาล็อต ออสติน ซึ่งเริ่มได้รับความนิยมจากการประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2022 ในเดือน เม.ย2565 เป็นต้นมา

ด้านสัดส่วนรายได้ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 มาจากธุรกิจพาณิชย์ 40.86% ธุรกิจประกวดนางงามมิสแกรนด์ 12.63% ธุรกิจสื่อและบันเทิง 19.06% ธุรกิจบริหารจัดการศิลปิน 23.12% รายได้ค่าเช่าช่วง MGI Hall  3.51% และรายได้อื่น 0.82%

นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน MGI กล่าวว่า จุดเด่นมิสแกรนด์ มีแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ สามารถเข้าสู่ระบบลิขสิทธิ์ตัวแทน 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย ซึ่งถือเป็นเวทีการประกวดแรกในประเทศไทยที่ดำเนินการจัดการในรูปแบบนี้ รวมทั้งเครือข่ายนางงามที่ส่งเข้าประกวดในระดับนานาชาติ พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์การขยายตลาดสร้างความยั่งยืน และต่อยอดไปสู่ธุรกิจที่เป็นโอกาสมากขึ้น 

พร้อมกันนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท ภายหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท

ทั้งนี้ MGI มีทุนจดทะเบียน 105 ล้านบาท โดยเป็นทุนชำระแล้ว 75 ล้านบาท และหลังจากทำการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน IPO ครั้งนี้อีก 30 ล้านบาท จะเป็นทุนชำระแล้วเต็ม 105 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 210 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท มีโครงสร้างผู้ถือหุ้นก่อนและหลัง IPO ประกอบด้วย 1. นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล สัดส่วนก่อนและหลัง IPO อยู่ที่ 60.00% และ 42.86% ตามลำดับ, 2. นายรัชพล จันทรทิม สัดส่วนก่อนและหลัง IPO ที่ 39.99% และ 28.56% ตามลำดับ 3. นางพรพรรณ จุลเจือ สัดส่วนก่อนและหลัง IPO ที่ <0.01% และ <0.01% และ 4. ประชาชนทั่วไปหลังการเสนอขาย IPO อยู่ที่ 28.57%

อย่างไรก็ตาม ทั้งคุณณวัฒน์ และคุณรัชพล ยังไม่มีแผนที่จะขายหุ้นของบริษัทในอนาคต ระยะยาว เนื่องจากทั้ง 2 ท่าน เป็นผู้เริ่มก่อตั้งบริษัทมาตั้งแต่เริ่มแรก เป็นผู้ที่ช่วยกันบริหารบริษัทให้มีความเจริญเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ และทั้ง 2 ท่าน ยังมีความมุ่งมั่นและมีความตั้งใจที่แน่วแน่ในการที่จะบริหารบริษัท และนำพาบริษัทให้เจริญเติบโตบรรลุเป้าหมายให้บริษัทเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนางงามโลกให้สำเร็จ