posttoday

MONO กางแผนปี 67 โมโนแมกซ์-JAS ปิดดีล 3BB หนุนรายได้โตกว่าปี 66

15 พฤศจิกายน 2566

MONO เปิดแผนปี 67 โมโนแมกซ์ ตั้งเป้าฐานลูกค้าสมาชิกพุ่ง 2 ล้านราย ส่วนหนึ่งจาก JAS ปิดดีลขาย 3BB ให้ ADVANC หนุนความร่วมือมากขึ้น บวกกับ MONO ORIGINAL เสริมทัพธุรกิจทีวีดิจิทัล MONO29 ดันรายได้โตกว่าปี 66 วางงบปี 67-68 กว่า 2,400 ล้านบาท ลุยขยายธุรกิจทุกส่วน

นายปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO เปิดเผยว่า ช่วงไตรมาส 4/2566 สภาวะเศรษฐกิจยังคงมีความเสี่ยงทั้งปัจจัยนอกประเทศและในประเทศ จากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย งบโฆษณาอุตสาหกรรมโทรทัศน์โดยรวมคงที่ ส่วนการเติบโตของโฆษณาออนไลน์ และวิดีโอสตรีมมิ่ง ยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง

ดังนั้น แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2566 คาดว่ารายได้รวมปรับตัวดีขึ้น จากไตรมาสก่อน ที่มีรายได้อยู่ที่ 470.2 ล้านบาท โดยแผนธุรกิจในช่วงที่เหลือของปี 2566 ยังเป็นการรักษาฐานลูกค้าธุรกิจทีวีดิจิทัล และเน้นสร้างการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจวิดีโอสตรีมมิ่ง และพัฒนาประสิทธิภาพธุรกิจในหลายส่วน

โดยธุรกิจทีวีดิจิทัล MONO29 นั้น บริษัทใช้กลยุทธ์จุดยืนทางการตลาดเดิม คือ ภาพยนตร์แนวแอคชั่นแฟนตาซี โดยได้เพิ่มความหลากหลายของภาพยนตร์ นอกเหนือจากฮอลลีวูด อาทิ บอลลีวูด-อินเดีย รัสเซีย จีน เกาหลี โดยได้ผลตอบรับที่ดีเรื่อยมาและปรับรูปแบบรายการข่าวเพื่อนำเสนอข่าวให้กระชับ น่าสนใจ ครบรอบด้านทุกมิติตลอดวัน โดยมุ่งเน้นข่าวในเชิงสร้างสรรค์ ทันทุกกระแสสังคม 

นอกจากนี้ ยังเพิ่มเนื้อหารายการบันเทิงเพื่อเสริมอรรถรสการชมในช่อง นำเสนอข่าวสารวงการบันเทิงและดาราในประเทศ ครอบคลุม ทั้งฮอลลีวูด จีน (C-Drama) และ เกาหลี (K-Series) รวมไปถึงสร้างความสัมพันธ์และวัดผลปฏิสัมพันธ์ข้ามแพลตฟอร์มกับผู้ชม โดยจัดกิจกรรมผ่านหน้าจอโทรทัศน์ เพื่อให้ผู้ชมมีส่วนร่วมกับช่อง 

ขณะที่ธุรกิจวิดีโอสตรีมมิ่ง (แบบบอกรับสมาชิก) MONOMAX บริษัทเล็งเห็นว่าธุรกิจในส่วนนี้ มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ผู้บริโภคใส่ใจกับการซื้อบริการคอนเทนต์ถูกลิขสิทธิ์มากขึ้น และผู้บริโภคหนึ่งคนสมัครบริการประเภทนี้เฉลี่ย 4-5 บริการ ถึงแม้จะมีภาวะสงครามราคาก็ตาม 

โดยกลยุทธ์ของ MONOMAX จะมุ่งเน้นรักษาฐานลูกค้าเดิมด้วย ซีรีส์จีนเกรดพรีเมียม ซึ่งสร้างรายได้ให้กับ MONOMAX อย่างต่อเนื่อง และเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ด้วยแนวคอนเทนต์ใหม่รสชาติไทย ภายใต้ชื่อ MONO ORIGINAL 

ขณะเดียวกัน จับมือกับพันธมิตรเพิ่มศักยภาพการขาย (Point of Sale) ได้แก่ กลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม และมีการจับมือกับพันธมิตรอีคอมเมิร์ซ ซึ่งส่งผลดีกับลูกค้ารายใหม่ หรือลูกค้าที่มีกำลังซื้อน้อย เพื่อให้ทดลองใช้งานในระยะเวลาสั้นๆ ก่อนจะคุ้นเคยและสมัครระยะยาว

อีกทั้งบริษัทกำลังนำ AI (Artificial Intelligence) มาประยุกต์ใช้สำหรับคอนเทนต์ของ MONO29, MTHAI และ MONOMAX โดยเริ่มให้บริการข่าว การพยากรณ์ และตัวอย่างหนัง ด้วยซับไตเติ้ล และการพากย์ภาษาต่างประเทศครอบคลุมภาษาในประเทศเพื่อนบ้าน จีน ญี่ปุ่น อังกฤษ สำหรับผู้ชมต่างประเทศ และเอื้อประโยชน์ต่อการจับมือพันธมิตรต่างประเทศ รวมทั้งการวิเคราะห์ข้อมูล และสร้างสรรค์ภาพกราฟิกก็ได้นำ AI มาใช้เพื่อความสะดวกและสร้างแนวคิดที่หลากหลาย การนำ AI มาใช้ดังกล่าว จะเป็นการประหยัดต้นทุนและเวลามากกว่า 30%

“โดยปกติไตรมาส 4 จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจ แต่ไตรมาส 4/2566 บริษัทคาดว่าจะได้รับงานอีเว้นท์ เคาท์ดาวน์ ปีใหม่ 2024 พัทยา เข้ามาเสริมรายได้ อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 4/2566 จะมีบันทึก Deferred Tax ทำให้คาดว่าจะยังคงมีผลขาดทุนสุทธิ แต่ขาดทุนลดลงจากไตรมาส 3/2566 ที่มีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 16.2 ล้านบาท” นายปฐมพงศ์ กล่าว

ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2567 รายได้จะกลับมาเติบโตกว่าปี 2566 แม้ว่ารายได้ของธุรกิจทีวีดิจิทัล MONO29 คาดว่าจะปรับตัวลดลงประมาณ 10% ทุกปี อย่างไรก็ตาม รายได้จากธุรกิจทีวีดิจิทัล MONO29 ยังเป็นรายได้หลักของบริษัท 

ขณะที่ธุรกิจวิดีโอสตรีมมิ่ง (แบบบอกรับสมาชิก) MONOMAX ในปี 2567 ตั้งเป้าหมายยอดสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านราย จากปี 2566 คาดว่าจะมียอดสมาชิกอยู่ที่ 1 ล้านราย จากปัจจุบันอยู่ที่ 860,000 ราย ซึ่งฐานสมาชิกที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการร่วมมือกับบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ซึ่งมีการทดลองให้บริการร่วมกับ ADVANC เมื่อเดือน พ.ย.2565 ส่งผลให้ลูกค้าเพิ่มขึ้นประมาณ 5%   

ทั้งนี้ หลังจาก บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ปิดดีขายหุ้นของ บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTTBB ผู้ให้บริการ 3BB ให้กับ ADVANC แล้ว คาดว่าจะมีความร่วมมือกันมากขึ้น ช่วยขยายฐานลูกค้าสมาชิกส่วนนี้เพิ่มขึ้น 20% ประกอบกับมีคอนเทนต์ MONO ORIGINAL เข้ามาเสริม ซึ่งรายได้ส่วนจะขยายตัวได้ 15-25%   

นอกจากนี้ ในช่วง 2 ปีจากนี้ (ปี 2567-2568) บริษัทวางงบลงทุนรวมไว้ที่ประมษณ 2,400 ล้านบาท แบ่งเป็นปี 2567 ประมาณ 1,200 ล้านบาท และปี 2568 ประมาณ 1,200 ล้านบาท จากปี 2566 คาดว่าจะใช้งบประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนการผลิตคอนเทนต์ของตัวเอง (Own content production), วิดีโอสตรีมมิ่ง (แบบบอกรับสมาชิก) และทีวีดิจิทัล MONO29 ในสัดส่วนเท่าๆ กัน