ไม่หมดหวัง! ขีดเส้นดัชนี 1366 ไม่หลุด ยังมีลุ้นเหนือ 1400

ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดการซื้อขายวันนี้(10 พ.ย.66) อยู่ที่ 1,389.57 จุด ลดลง 15.40 จุด คิดเป็น -1.10% มูลค่าการซื้อขาย 50,967.94 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,406.08 จุด และลดลงต่ำสุด 1,387.41 จุด 

5 หุ้นซื้อขายสูงสุด ดังนี้

     1. JMT ปิดที่ 27 บาท ลดลง 5.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,112.28 ลบ.

     2. CPALL ปิดที่ 55.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,348.13 ลบ.

     3. DELTA ปิดที่ 77.75 บาท ลดลง 5.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,504.50 ลบ.

     4. AOT ปิดที่ 67.50 บาท ลดลง 1.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,461.98 ลบ.

     5. KBANK ปิดที่ 131.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประเด็นน่าสนใจในสัปดาห์หน้า(ระหว่างวันที่ 13-17 พ.ย.66) ทั้ง สภาพัฒน์ประกาศ GDP ของไทยประจำไตรมาส 3/66 เบื้องต้นฝ่ายวิจัยธนาคารกรุงศรีฯ และ Consensus คาดว่าจะขยายตัว 2% และ 2.4% ตามลำดับ เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/66 ที่ขยายตัว 1.8% หาก GDP ขยายตัวเพิ่มขึ้นและมากกว่าที่ Consensus คาดจะช่วยดึง Sentiment ของการลงทุนในบ้านเรากลับมาและจะส่งผลบวกต่อ Sentiment การลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร

      และในวันอังคารที่ 14 พ.ย.66 ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) เดือน ต.ค. ของสหรัฐ ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรีคาด Headline Inflation จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 3.8% จาก 3.7% ใน เดือน ก.ย. และคาด Core Inflation จะทรงตัวที่ระดับ 4.1% หากเป็นไปตามที่ตลาดคาดไม่น่ากังวลแม้ Headline CPI จะเพิ่มขึ้นแต่ยังอยู่ในกรอบจำกัด

     ขณะที่ Bloomberg Consensus คาดจะชะลอตัวแตะ 3.3% YoY และในวันที่ 17 พ.ย.66 ติดตามการผ่านร่างงบประมาณของสหรัฐฯ เพื่อเลี่ยงภาวะ Government Shutdown แต่คาดจะประสบความสำเร็จต่อการเลื่อนงบประมาณรัฐบาลออกไปชั่วคราว

ยืน 1400 ให้ได้ก่อน

     นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยทางเทคนิค บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยในระยะสั้นยังรอดูรอบการสร้างฐานในครั้งนี้ โดยวางฐานแนวรับที่บริเวณ 1390 จุด เริ่มเห็นแรงซื้อกลับที่ฐานดังกล่าว ยังรอการกลับไปยืน 1400 จุดให้ได้ก่อน ดังนั้นกลยุทธ์ชะลอการลงทุน รอดูรอบการสร้างฐาน แนวรับ 1390 / 1370 จุด แนวต้าน 1430 / 1460 จุด

อ่อนแรงแต่ไม่ทำ New Low

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า SET รีบาวด์กลับตามที่คาดไว้ในสัปดาห์ก่อนหน้า โดยเด้งตัวถึงระดับแนวต้าน 1416 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านแรก 23.6% ของ Fibonacci อย่างไรก็ตาม การที่ไม่สามารถยืนเหนือระดับดังกล่าวได้ยังสะท้อนถึงความอ่อนแรงในทิศทางบวก

     อย่างไรก็ตาม หาก SET ไม่ทำ New Low หลุดต่ำกว่า 1366 จุด ยังถือว่าโมเมนตัมไม่เป็นขาลงต่อมองแนวรับ 1390 / 1380 จุด แนวต้าน 1415 / 1430 จุด 

     โดยกลุ่มที่นำตลาดชัดเจน ได้แก่ ICT, HELTH, TRANS ส่วนกลุ่มที่กำลังพักตัวที่โซน Weakening แต่ทิศทางดีขึ้น ได้แก่ ENERG และ BANK ขณะที่กลุ่มที่ฟื้นตัวต่อเนื่องในโซน Improving ได้แก่ CONMAT และ PROP กลุ่มที่อ่อนแอกว่าตลาดต่อเนื่องได้แก่ COMM และ ETRON แต่ทิศทางดีขึ้นต่อเนื่อง ได้แก่ กลุ่ม Petrochemicals & Chemicals กราฟกลับตัวจากแนวรับ 700 จุดขึ้นมามีโอกาสรีบาวด์ขึ้นต่อเพื่อทดสอบแนวต้านในโซน 740-745 จุด