posttoday

"หุ้นท่องเที่ยว-ปั้มน้ำมัน"ยิ้ม! ครม.หั่นราคาแก๊สโซฮอล์-เพิ่มฟรีวีซ่า

01 พฤศจิกายน 2566

โบรกเห็นพ้อง "หุ้นท่องเที่ยว-ค้าปลีก-ปั้มน้ำมัน"รับอานิสงส์ ครม.ไฟเขียวลดราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 เวลา 3 เดือน เริ่ม เริ่ม 7 พ.ย.66 - ม.ค.67 พร้อมฟรีวิซ่า อินเดีย-ไต้หวันหนุน

     นายเอกรินทร์ วงษ์ศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ตามที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบปรับลดภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์ทุกประเภทลงแต่เพียงในอัตรา 1 บาทต่อลิตร โดยกระทรวงการคลังเสนอให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของกระทรวงพลังงานไปบริหารจัดการให้ปรับลดราคาสำหรับเบนซินแก๊สโซฮอล์ 91 ลงอีกลิตรละ 1.50 บาท ให้เป็นลิตรละ 2.50 บาท ตามที่กระทรวงพลังงานเคยเสนอไว้ ซึ่งวานนี้ ครม.พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบโดยกระทรวงการคลังเสนอให้เป็นมติว่าให้กองทุนน้ำมันไปบริหารจัดการชดเชยเงินที่ต้องใช้จ่ายในส่วน 1.50 บาทต่อลิตรดังกล่าวเองในภายหลัง มีกำหนด 3 เดือน นับแต่วันที่ 7 พ.ย. 66

     โดยสรุป ราคาน้ำมันขายปลีกเบนซินแก๊สโซฮอล์ทุกประเภทลดลง 1 บาทต่อลิตรด้วยการลดภาษีสรรพสามิต และ แก๊สโซฮอล์ 91 ลงอีกลิตรละ 1.50 บาท จากเงินชดเชยกองทุนน้ำมัน รวมเป็นลิตรละ 2.50 บาท จะมีผลตั้งแต่ 7 พ.ย. 66 เป็นต้นไป เป็นระยะเวลา 3 เดือน

     ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเชิงบวกเล็กน้อยต่อหุ้นในกลุ่มสถานีบริการน้ำมัน 1) การปรับลดราคาดังกล่าวนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อค่าการตลาดของกลุ่มสถานีบริการน้ำมันแต่อย่างใด แต่เป็นการปรับลดจากภาษีและมีเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันเข้ามาช่วย

     2) การลดราคาน้ำมันลงนั้นจะเป็นผลบวกทางอ้อมให้คนใช้น้ำมันมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่เข้าสู่ High Season ของการท่องเที่ยว ช่วยให้คนขับรถออกมาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น

โผหุ้นรับอานิสงส์

     หุ้นที่คิดว่าจะได้รับประโยชน์ OR, BCP, ESSO ที่น่าจะได้ประโยชน์มากที่สุดจากปริมาณขายน้ำมันเบนซินมากกว่า PTG ที่เน้นขายน้ำมันดีเซล นอกจากนี้ BCP และ ESSO แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3 น่าจะยังโดดเด่นจากธุรกิจโรงกลั่นที่มีค่าการกลั่นอยู่ในระดับสูงในช่วงไตรมาส 3 ส่วน OR ประเมินแนวโน้มกำไรในไตรมาส 3/66 จะโดดเด่นเช่นกันที่ 4 พันล้านบาทจากผลของ Stock gain ในขณะที่ PTG อาจจะอ่อนตัวจากค่าการตลาดที่ยังไม่ดี

     ขณะที่ ครม.มีมติเห็นชอบเปิดวีซ่าฟรีเพิ่มอีกสองประเทศคือ อินเดียและไต้หวัน ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยจำนวนมาก โดยจะให้พำนักอยู่ในประเทศไทยได้ 30 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย.66 ถึง 10 พ.ค.67 ฝ่ายวิเคราะห์มองว่าจากการให้ฟรีวีซ่าเพิ่มรวมเป็น 4 ประเทศ (จีน, รัสเซีย, อินเดีย และไต้หวัน) เป็นผลบวกต่อการท่องเที่ยวในประเทศ 

     โดยที่ในช่วง 9 เดือน 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยรวม 20 ล้านราย จากเป้า 25 ล้านราย โดยเป็นนักท่องเที่ยวจีนที่ 2.5 ล้านราย (อันดับที่ 2) และนักท่องเที่ยวอินเดียที่ 1.16 ล้านราย (อันดับที่ 4) โดยในช่วงไตรมาส 4 เป็นช่วง High Season ของการท่องเที่ยวในประเทศและต่อด้วยเทศกาลตรุษจีนในช่วงต้นเดือน ก.พ. 2567 ที่คาดว่าการให้ฟรีวีซ่าจะช่วยให้การตัดสินใจเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยง่ายขึ้น จากเดิมที่นักท่องเที่ยวจีน ไต้หวันและอินเดียจะต้องขอ Visa On Arrival ที่สนามบิน จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่นักท่องเที่ยว และอาจเพิ่ม Length of Stay ให้นานขึ้น

     Top Pick เลือก ERW (TP 6.10) และ CENTEL (Consensus 51.77) เนื่องจาก ERW มีสัดส่วนรายได้จากโรงแรมในประเทศสูงราว 90% ในขณะที่ CENTEL นอกจากจะมีรายได้จากโรงแรมในประเทศราว 80% และมีกลุ่มร้านอาหาร QSR ทั่วประเทศ ที่คาดว่าจะได้อานิสงส์จากการท่องเที่ยวที่คึกคัก

5 หุ้นรับอานิสงส์

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ระบุว่า ผลการประชุม ครม.มีมติลดราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 เป็นเวลา 3 เดือน เริ่ม 7 พ.ย.66 รวมถึง ฟรีวิซ่าเพิ่ม อินเดียและไต้หวัน ฝ่ายวิเคราะห์มองประเด็นลดราคาน้ำมันดังกล่าว ซึ่ง 1) เป็นบวกต่อกำลังซื้อในมือประชาชนที่จะช่วยหนุนอุปสงค์ภายในประเทศ เป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีก 

     โดยทางฝ่ายมอง CPALL แข็งแกร่งสุดในกลุ่มค้าปลีก จากการปรับราคาทำให้ Margin เพิ่มขึ้น รวมถึงส่วนแบ่งจากงบ CPAXT ที่ฟื้นตัวจากดอกเบี้ยจ่ายที่น้อยลง และ 2) ในส่วนของหุ้นน้ำมันปลายน้ำ มุมมองเป็นกลาง เนื่องจากใช้กลไกภาษี ช่วยลดทั้ง 1 บาท จะไม่มีผลกับค่าการตลาด ความเสี่ยงจะไปอยู่ที่ประเด็นการออกกฎหมายควบคุมค่าการตลาดมากกว่า 

     ระยะสั้นมองค้าปลีกน้ำมันดีขึ้นเล็กน้อยตามปัจจัยฤดูกาล เนื่องจากไตรมาส 4 จะเข้าสู่ high season ปริมาณขายน้ำมันใช้น้ำมันจะโตขึ้น โดยยังมอง OR และ PTG ยังน่าสนใจ

     ขณะที่นโยบาย Free Visa อินเดีย และ ใต้หวัน เริ่ม 10 พ.ย.66-10 พ.ค.67 มองเป็นบวกต่อจำนวนนักท่องเที่ยวอินเดีย หลังเติบโตกว่า 7.46% w-w จะช่วยหนุนต่อกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม ทางฝ่ายฯมอง CENTEL และ ERW ยังน่าสนใจ

 

ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น OR วันนี้(1 พ.ย.66) ณ เวลา 11.17 น. อยู่ที่ 18.10 บาท ลดลง 0.20 บาท คิดเป็น -1.09% 

ราคาหุ้น PTG อยู่ที่ 8.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท คิดเป็น +0.61%

ราคาหุ้น BCP อยู่ที่ 39.75 บาท ลดลง 1.50 บาท คิดเป็น -3.64%

ราคาหุ้น ESSO อยู่ที่ 9.45 บาท ลดลง 0.10 บาท คิดเป็น -1.05%

ราคาหุ้น CPALL อยู่ที่ 55 บาท ลดลง 0.25 บาท คิดเป็น -0.45%

ราคาหุ้น ERW อยู่ที่ 5.10 บาท ลดลง 0.10 บาท คิดเป็น -1.92%

ราคาหุ้น CENTEL อยู่ที่ 45 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา