posttoday

ไทยเจ็บหนัก! 20 วัน สงครามอิสราเอล-ฮามาส ฉุด SET ร่วงแรงสุดในเอเชีย

28 ตุลาคม 2566

เทียบฟอร์ม 5 ตลาดหุ้นเอเชีย ช่วง 20 วัน สงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาส พบ SET ดิ่งหนักสุด -4.67% ขณะที่ KOSPI ร่วงน้อยสุด -0.05% โบรกฯ มองตลาดหุ้นซึมซับประเด็นนี้ไปมากแล้ว ช่วงถัดไปเริ่มเห็นการโยกย้ายเม็ดเงินเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง

สงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสเริ่มปะทุขึ้นตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.2566 จนถึงวันที่ 26 ต.ค.2566 รวมเป็นเวลา 20 วัน โดยเหตุการณ์สู้รบยังดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง จนมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว รวมทั้ง 2 ฝ่าย กว่า 7,000 คน 

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น หลัง The Wall Street Journal รายงานว่า อิสราเอลได้ตอบตกลงตามคำขอของสหรัฐฯ ให้ชะลอการบุกโจมตีภาคพื้นดินเข้าสู่ฉนวนกาซา นอกจากนี้ ยังมีความพยายามทางการทูตเพื่อให้กลุ่มฮามาสปล่อยตัวตัวประกันอีกประมาณ 200 คน ที่จับตัวไว้ประเด็นดังกล่าว

ฝ่ายวิจัยฯ บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า การสู้รบกันระหว่างประเทศระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮามาส อาจไม่มีการขยายวงกว้างสู่ประเทศอื่นอย่างที่นักลงทุนกังวลไว้ตอนแรก และไม่ขยายความรุนแรง เฉกเช่นสงครามรัสเซีย-ยูเครน ในอดีต ทำให้ราคาน้ำมันดิบไม่ได้ปรับตัวขึ้นแรง และทรงตัวในระดับ 80-85 เหรียญฯ/บาร์เรล เนื่องจากอิสราเอลและปาเลสไตน์ ต่างก็ไม่ใช่ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก

โดยหากพิจารณาเฉพาะประเด็นนี้ ฝ่ายวิจัยฯ คาดว่าตลาดหุ้นซึมซับกับประเด็นนี้ไปมากแล้ว ทำให้ช่วงเวลาถัดไป อาจเริ่มเห็นการโยกย้ายเม็ดเงินเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.2566 (จุดเริ่มต้นของสงครามอิสราเอล-ฮามาส) SET Index ปรับตัวลงแรงกว่า 68 จุด หรือลดลง 4.7% จนล่าสุดปิดการซื้อขายวันที่ 26 ต.ค.2566 อยู่ที่ระดับ 1,371.22 จุด

ดังนั้น “โพสต์ทูเดย์” จะพามาดูตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียว่า ในช่วงตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค.-26 ต.ค.2566 ตลาดหุ้นแต่ละประเทศได้รับผลเชิงลบจากสงครามสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงไปมากน้อยแค่ไหน 

โดยรวบรวมมา 5 ตลาดหุ้น ได้แก่ SET ของไทย, Nikkei 225 ของญี่ปุ่น, KOSPI ของเกาหลีใต้, Hang Seng ของฮ่องกง และ Shanghai ของจีน 

ไทยเจ็บหนัก! 20 วัน สงครามอิสราเอล-ฮามาส ฉุด SET ร่วงแรงสุดในเอเชีย

ทั้งนี้ จากข้อมูลของ Investing.com พบว่า SET ปรับตัวลดลงมากที่สุด โดยปรับตัวลดลง 67.23 จุด หรือลดลง 4.67% มาปิดการซื้อขายวันที่ 26 ต.ค.2566 ที่ 1,371.22 จุด จากปิดการซื้อขายวันที่ 6 ต.ค.2566 ที่ 1,438.45 จุด

รองมา Shanghai ปรับตัวลดลง 122.18 จุด หรือลดลง 3.93% มาปิดการซื้อขายวันที่ 26 ต.ค.2566 ที่ 2,988.30 จุด จากปิดการซื้อขายวันที่ 6 ต.ค.2566 ที่ 3,110.48 จุด

ถัดมา Hang Seng ปรับตัวลดลง 441.37 จุด หรือลดลง 2.52% มาปิดการซื้อขายวันที่ 26 ต.ค.2566 ที่ 17,044.61 จุด จากปิดการซื้อขายวันที่ 6 ต.ค.2566 ที่ 17,485.98 จุด 

และ Nikkei 225 ปรับตัวลดลง 392.89 จุด หรือลดลง 1.27% มาปิดการซื้อขายวันที่ 26 ต.ค.2566 ที่ 30,601.78 จุด จากปิดการซื้อขายวันที่ 6 ต.ค.2566 ที่ 30,994.67 จุด

สุดท้าย KOSPI ปรับตัวลดลงน้อยที่สุด โดยปรับตัวลดลง 109.65 จุด หรือลดลง 0.05% มาปิดการซื้อขายวันที่ 26 ต.ค.2566 ที่ 2,299.08 จุด จากปิดการซื้อขายวันที่ 6 ต.ค.2566 ที่ 2,408.73 จุด