posttoday

“ภากร”แจงหุ้นไทยทิ้งดิ่งเผชิญปัจจัยภายนอกกด มั่นใจพื้นฐาน บจ.แกร่ง

26 ตุลาคม 2566

“ภากร ปีตธวัชชัย”ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯยืนยันหุ้นไทยร่วงแรงจากปัจจัยภายนอก ไร้การซื้อขายผิดปกติ ย้ำชัดพื้นฐานบริษัทจดทะเบียนแกร่ง

ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยวันนี้(26 ต.ค. 66) ปิดการซื้อขายอยู่ที่ 1,371.22 จุด ลดลง 30.48 จุด คิดเป็น -2.17% มูลค่าการซื้อขาย 45,690.17 ล้านบาท

     นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ตั้งโต๊ะแถลงข่าวด่วนหลังตลาดหุ้นไทยร่วงกว่า 30 จุดว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคโดยได้รับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกประเทศ ทั้งจากปัญหาความขัดแย้งของ "อิสราเอล-ปาเลสไตน์" และทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

     ทั้งนี้คาดว่าตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวนต่อไปอีกระยะจนกว่าปัจจัยต่างๆ จะชัดเจน พร้อมยืนยันว่าปัจจัยพื้นฐานตลาดหุ้นไทยไร้ปัญหา แต่ดัชนีที่ปรับตัวลดลง มาจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก 

     ซึ่งปี 2566 นี้มี Fund Flow ไหลตั้งแต่ต้นปีออกกว่า 1.07 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนระยะสั้น จากปีก่อนที่มีเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามากกว่า 2 แสนล้านบาท พร้อมมองว่าจุดพลิกผันตลาดหุ้นไทยจะเกิดขึ้นได้หากปัจจัยลบภายนอกประเทศคลี่คลาย

     ส่วนตลาดหุ้นไทยวันนี้มีการทำช็อร์ตเซล (Short sell) อยู่ที่ระดับ 11.34% ซึ่งไม่แตกต่างจากช่วงปกติ ที่อยู่ที่ประมาณ12% ขณะที่การใช้โปรแกรมเทรดในวันนี้อยู่ที่ 36% ก็เป็นไปตามปกติที่จะมีการใช้โปรแกรมเทรดเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ประมาณ 30 ถึง 38%

     อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการทำช็อร์ต เซล หรือ การใช้โปรแกรมเทรด เป็นไปตามปกติไม่ได้ทำให้เกิดภาวะตลาดติดลบอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ โดยทางตลาดหลักทรัพย์ได้มีการติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด

     สำหรับดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับลง 30 จุด ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เป็นกันทั่วโลกไม่ใช่แค่ในตลาดหุ้นไทยเท่านั้นโดยเป็นผลจากปัจจัยภายนอก จึงอยากให้นักลงทุนดูข้อมูลจากความสามารถในการทำกำไรเป็นหลักของบริษัทจดทะเบียน เพราะบริษัทจดทะเบียนของไทยยังคงมีความแข็งแกร่ง

     ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นกระทบแค่บางอุตสาหกรรมที่อาจพึ่งพาการส่งออก และตลาดโลกเป็นหลัก แต่มีบริษัทจดทะเบียนในบางอุตสาหกรรมบางธุรกิจที่ไม่ได้รับผลกระทบ จึงอยากให้วิเคราะห์ในเรื่องนี้ประกอบด้วย

     รวมทั้งอยากให้มองภาพรวม และปัจจัยพื้นฐานของประเทศไทยเป็นหลัก เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศไทยไม่มีอะไรที่น่ากังวล สถาบันการเงินมีความแข็งแกร่ง หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPLs ไม่ได้อยู่ในระดับสูง หนี้ต่างประเทศอยู่ในระดับต่ำ รวมทั้งระดับหนี้สาธารณะไม่ได้อยู่ในระดับสูงเหมือนในหลายประเทศ

     นอกจากนี้ การลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยถือว่ามีความได้เปรียบกว่าหลายประเทศในภูมิภาคและยังสามารถรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจรวมไปถึงอุตสาหกรรม S curve

     ทั้งนี้มองว่าหากสถานการณ์ต่างๆคลี่คลาย และไม่มีเหตุการณ์รุนแรงจากภายนอกประเทศเพิ่มขึ้น หรือขยายวงกว้าง ก็เชื่อมั่นว่าตลาดหุ้นไทยจะกลับมาพลิกฟื้นได้รวดเร็วกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค แม้ในวันนี้จะปรับตัวลดลงแรงกว่าตลาดอื่นก็ตาม

     ส่วนกรณีที่หุ้น IPO เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงนี้ราคาปรับตัวลงมาต่ำกว่าราคาจองนั้น เกิดจากภาวะตลาดหุ้นที่มีความไม่แน่นอนในระยะนี้ ซึ่งเกิดหลังการกำหนดราคาหุ้น IPO ไว้ก่อนหน้า ที่เป็นช่วงไม่มีปัจจัยเข้ามากระทบต่อตลาดหุ้น จึงทำให้มีราคาปรับลดลง