posttoday

ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน ธ.ค. “ทรงตัว” หวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหนุน

06 ตุลาคม 2566

FETCO เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้า (ธ.ค.66) ปรับลง 20.6% อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” หลังเงินทุนไหลออกฉุด หวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐหนุน

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนกันยายน 2566 (สำรวจระหว่างวันที่ 20-30 กันยายน 2566)  พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ธันวาคม 2566) อยู่ที่ระดับ 112.14 ปรับลง 20.6% จากเดือนก่อนหน้ากลับมาอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว”

โดยผลสำรวจ ณ เดือนกันยายน 2566 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นนักลงทุนทุกกลุ่มปรับตัวลดลง โดยความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล ปรับลด 27.3% อยู่ที่ระดับ 120.00 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ปรับลด 1.2% อยู่ที่ระดับ 111.11 และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ ปรับลด 20.0% อยู่ที่ระดับ 100.00 อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” ในขณะที่ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนสถาบัน ปรับลด 0.6% อยู่ที่ระดับ 146.15 อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง”

ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน ธ.ค. “ทรงตัว” หวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหนุน

ทั้งนี้ นักลงทุนมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมา คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และคาดหวังการไหลเข้าของเงินทุน 

ในขณะที่ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ การไหลออกของเงินทุน รองลงมา คือ การถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ และสถานการณ์การเมืองในประเทศ

ขณะเดียวกัน หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM) ส่วนหมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ (PETRO) 

SET Index ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งเดือนกันยายน 2566 จากความกังวลสถานการณ์เงินเฟ้อท่ามกลางราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นหลังกลุ่มโอเปคและรัสเซียประกาศลดปริมาณการผลิตน้ำมัน อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงกว่าคาด จนส่งผลให้ กนง. ปรับดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้น 0.25% ต่อปี จาก 2.25% เป็น 2.50% ต่อปี อีกทั้งได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทอ่อน และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลด้านการลดค่าไฟและน้ำมันดีเซล ส่งผลให้หลักทรัพย์ในกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภคปรับตัวลดลง  

โดย SET Index ณ สิ้นเดือนกันยายน 2566 หลุดกรอบ 1,500 จุด มาปิดที่ 1,471.43 ปรับตัวลดลง 6% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนกันยายน 2566 อยู่ที่ 56,218 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิต่อเนื่องกว่า 22,436 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปี 2566 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวมกว่า 155,372 ล้านบาท     

ทางด้านปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ มาตรการทางการเงินของธนาคารกลางในประเทศเศรษฐกิจหลัก เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังสูงกว่าเป้าหมาย มาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของธนาคารกลางจีน และทิศทางการไหลออกของเงินทุนจากตลาดเกิดใหม่กลับไปสู่ตลาดพัฒนาแล้ว 

ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ มาตรการและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่หลายภาคส่วนมองว่าอาจสร้างแรงกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระยะสั้น เนื่องจากไม่ได้เป็นนโยบายที่ทำให้เกิดการลงทุนในระยะยาว รวมถึงงบประมาณที่มีจำกัด อาทิ ความชัดเจนของโครงการ digital wallet 10,000 บาท มาตรการลดค่าไฟ ลดราคาพลังงาน พักหนี้เกษตรกร

นอกจากนี้ การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวเป็นอีกปัจจัยที่น่าติดตาม หลังรัฐบาลประกาศฟรีวีซ่าจีนและคาซัคสถาน และการเพิ่มสภาพคล่องในตลาดทุนไทย หลังกระทรวงการคลังประกาศไม่มีนโยบายเก็บภาษีจากการซื้อขายหลักทรัพย์และภาษีกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์