เปิดที่มาแหล่งเงินทุน หนุนนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นจริง
3 ที่มาแหล่งเงินทุน หนุน “นโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท” ของรัฐบาลใหม่ เกิดขึ้นจริง คาดเริ่มใช้ได้ในไตรมาส 1/67 จับตาหุ้นที่กองทุนวายุภักษ์เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่
บทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า รัฐบาลหาช่องทางระดมเงินใช้ทำนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท โดยอาจสามารถเริ่มใช้ได้ในไตรมาส 1/2567 ส่วนแหล่งเงินที่จะใช้ในการดำเนินนโยบาย ประเมินว่าอาจมีที่มาจาก 3 ส่วน ประกอบด้วย
1. การจัดสรรงบประมาณ โดยความเห็นจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ระบุไว้ว่า แหล่งที่มาของเม็ดเงินน่าจะมาจาก
- รายรับจากภาษีของรัฐบาลในปี 2567 ซึ่งประมาณการว่าจะเพิ่มขึ้น 2.6 แสนล้านบาท
- การบริหารจัดการงบประมาณ และปรับสวัสดิการที่ซ้ำซ้อน 2 แสนล้านบาท
- การจัดเก็บภาษีที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอีก 1 แสนล้านบาท
2. การกู้เงิน โดยประเทศไทยมีหนี้สาธารณะต่อ GDP อยู่ที่ 61.15% (ข้อมูลล่าสุดเดือน มิ.ย.2566) ซึ่งตามกรอบวินัยการคลัง สามารถกู้เพิ่มได้จนกว่า หนี้สาธารณะต่อ GDP จะอยู่ที่ระดับ 70% ซึ่งจะกู้เพิ่มได้อีกราว 1.58 ล้านล้านบาท (บนสมมุติฐาน GDP 17.86 ล้านล้านบาท) แต่โดยหลักการแล้วไม่ควรกู้จนเต็มเพดานหนี้
3. กระทรวงการคลังอาจจะขายสัดส่วนการถือหน่วยลงทุนในกองทุนวายุภักษ์ให้กบข.-ประกันสังคม ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่าสามารถทำได้ และได้เงินระยะสั้นปริมาณมาก รวมถึงตลาดหุ้นได้รับผลกระทบจากความผันผวนจากประเด็นดังกล่าวจำกัด เนื่องจากกองทุนวายุภักษ์เป็นกองทุนที่มีขนาดใหญ่สุดในประเทศไทย
ล่าสุด มีมูลค่าพอร์ตอยู่ที่ 3.47 แสนล้านบาท รองรับเงินที่ใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายได้พอสมควร และเบื้องต้นฝ่ายวิจัยฯ รวบรวมข้อมูลหุ้นเฉพาะที่กองทุนวายุภักษ์เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ มีดังนี้
ขณะที่กองทุนประกันสังคม มีเงินในพอร์ตลงทุนสิ้นปี 2565 ที่ 2.27 ล้านล้านบาท เป็นสัดส่วนหุ้นไทย 11.05% หรือ 2.51 แสนล้านบาท
ส่วน กบข. มีเงินในพอร์ตลงทุนสิ้นมิ.ย. 2566 ที่ 4.65 ล้านล้านบาท เป็นสัดส่วนหุ้นไทย 4.28% หรือ 2.0 หมื่นล้านบาท (ในอดีตถือหุ้นไทยราว 7% ของพอร์ตรวม)
แสดงให้เห็นว่ากองทุน กบข.-ประกันสังคม มีขนาดใหญ่พอ และน่าจะรองรับการขายหุ้นของกองทุนวายุภักษ์ทำให้ได้เงินมาพอสมควร