posttoday

JPC เดินหน้าเข้าตลาดหุ้น สู่ผู้นำธุรกิจสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ในอาเซียน

29 สิงหาคม 2566

“ยัสปาล กรุ๊ป” หรือ JPC เดินหน้าเข้า SET ลุยขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ ขยายตลาดเข้าสู่ประเทศอื่น ๆ โชว์ศักยภาพผู้นำธุรกิจสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ของภูมิภาคอาเซียน

นายจรัญ สิงห์สัจจเทศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยัสปาล จำกัด (มหาชน) หรือ JPC เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) 

โดยปัจจุบันแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) และร่างหนังสือชี้ชวนอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ

หลังจากเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.2566 ได้ยื่นแบบไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อออกและเสนอขายหุ้น IPO และนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)

ทั้งนี้ ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน จำนวน 300 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจํานวน 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 222 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 444 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท และจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก(IPO) จํานวนไม่เกิน 156 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 26% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท

ทั้งนี้ บริษัทและบริษัทย่อย (กลุ่มบริษัท) เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ของภูมิภาคอาเซียน จากการเป็นผู้ดำเนินธุรกิจผลิต จัดหาและจัดจำหน่ายเสื้อผ้า สินค้าแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์อื่น ๆ (กลุ่มธุรกิจสินค้าแฟชั่น) 

รวมทั้งเป็นผู้ผลิต จัดหาและจำหน่ายที่นอนและเครื่องนอน ของตกแต่งบ้านและเฟอร์นิเจอร์ (กลุ่มธุรกิจที่นอนและเครื่องนอน) ที่ดำเนินงานภายใต้ บริษัท ยัสปาล แอนด์ ซันส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย 

ภายใต้แบรนด์สินค้าที่กลุ่มบริษัทเป็นเจ้าของ (In-house Brand) รวมทั้งแบรนด์ที่บริษัทได้รับสิทธิ์ให้ผลิตและเป็นตัวแทนจำหน่าย ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ หรือได้รับสัญญาแฟรนไชส์ (Import Brand) รวมกันกว่า 25 แบรนด์ชั้นนำเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มทุกไลฟ์สไตล์ด้วยคุณภาพ และมาตรฐานระดับสากล สร้างการยอมรับจากลูกค้าทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ

JPC เดินหน้าเข้าตลาดหุ้น สู่ผู้นำธุรกิจสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ในอาเซียน

สำหรับแผนการขยายธุรกิจขของกลุ่มบริษัท ได้แก่ การขยายสาขาและจุดจำหน่ายสินค้า, การเพิ่มช่องทางการจำหน่ายต่าง ๆ ตามการเปลี่ยนแปลงและเทรนด์ของอุตสาหกรรม รวมทั้งการขยายตลาดเข้าสู่ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียน

นายจรัญ กล่าวว่า ภาพรวมยอดขายของอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและรองเท้าระหว่างปี 2566-2570 คาดจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 6.8% ต่อปี ทำให้ยอดขายของอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและรองเท้าในปี 2570 เพิ่มขึ้นเป็น 420,423 ล้านบาท จากปี 2565 อยู่ที่ 302,751 ล้านบาท

ขณะที่ ขนาดของตลาดที่นอน เครื่องนอนและผ้าปูที่นอนในประเทศไทย ปี 2566 คาดว่าจะมีมูลค่าอยู่ที่ 5,863 ล้านบาท จากปี 2565 อยู่ที่ 5,310 ล้านบาท และระหว่างปี 2566-2570 คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 4.3% ต่อปี 

“การแข่งขันในอุตสาหกรรมมีอยู่แล้ว แต่เรามั่นใจว่าเราแข็งแรงด้านนี้มาก ด้วยประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 70 ปี เรามีความเข้าใจในอุตสาหกรรมแฟชั่นไลฟ์สไตล์ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เห็นถึงเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมเพื่อนำความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบสร้างสรรค์และจัดหา เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ผ่านแบรนด์พอร์ตโฟลิโอที่หลากหลาย ตอบสนองไลฟ์สไตล์ด้านแฟชั่นของผู้บริโภคที่ไม่เคยหยุดนิ่ง และผลักดันการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายจรัญ กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2563-2565 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 9,020.59 ล้านบาท 9,153.06 ล้านบาท 11,854.33 ล้านบาท ตามลำดับ และมีผลขาดทุนสุทธิในปี 2563 อยู่ที่ 153.2 ล้านบาท ส่วนปี 2564-2565 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 221.5 ล้านบาท และ 914.5 ล้านบาท ตามลำดับ 

ขณะที่ในไตรมาส 1/2566 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,932.56 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 242.99 ล้านบาท 

นายวิเศษ สิงห์สัจจเทศ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยัสปาล จำกัด (มหาชน) หรือ JPC กล่าวว่า กลุ่มบริษัทเป็นบริษัทสัญชาติไทยที่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและรองเท้าเฉพาะอย่างของประเทศไทย (อ้างอิงจาก Euromonitor International) 

โดยมีส่วนแบ่งการตลาดในช่วงปี 2563-2565 อยู่ที่ 8.4% 10% และ 10.5% ตามลำดับ สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจด้วยประสบการณ์ที่มีความเข้าใจในอุตสาหกรรมและมีประสบการณ์การออกแบบและจัดหาผลิตภัณฑ์โดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เพื่อส่งเสริมขีดความสามารถการแข่งขันในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัททั้งกลุ่มธุรกิจสินค้าแฟชั่นและธุรกิจที่นอนและเครื่องนอน ภายใต้แบรนด์สินค้าที่มีความหลากหลาย ทั้งกลุ่ม In-house Brand และ Import Brand โดยแต่ละแบรนด์มีเอกลักษณ์และการออกแบบที่แตกต่างกัน ตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างครอบคลุม

JPC เดินหน้าเข้าตลาดหุ้น สู่ผู้นำธุรกิจสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ในอาเซียน

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทมีสินค้าในกลุ่มธุรกิจแฟชั่น จำนวน 19 แบรนด์ แบ่งเป็น In-house Brand จำนวน 10 แบรนด์ ส่วน Import Brand จำนวน 9 แบรนด์ 

โดยเป็นสินค้าแฟชั่นที่มีการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีคุณภาพสูงในราคาที่เหมาะสม มีความทันสมัยและหลากหลายมากกว่า 113,000 SKUs ครอบคลุมสินค้าตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอางและแว่นตา เป็นต้น 

ขณะที่กลุ่มธุรกิจที่นอนและเครื่องนอน มีจำนวน 6 แบรนด์ แบ่งเป็น In-house Brand จำนวน 3 แบรนด์ และ Import Brand จำนวน 3 แบรนด์ มีสินค้ามากกว่า 21,500 SKUs

JPC เดินหน้าเข้าตลาดหุ้น สู่ผู้นำธุรกิจสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ในอาเซียน

นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทยังสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเพื่อเข้าถึงลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายสาขาหน้าร้านและจุดจำหน่ายภายในศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า และศูนย์ค้าปลีกชั้นนำทั่วประเทศ รวม970 สาขา แบ่งเป็นในประเทศ 888 สาขา และต่างประเทศ 82 สาขา

ขณะเดียวกัน สำหรับกลุ่มธุรกิจสินค้าแฟชั่น ยังมีการจำหน่ายเพิ่มเติมผ่านช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กลุ่มบริษัทฯและแพลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์ต่าง ๆ (Marketplace) และสำหรับกลุ่มธุรกิจที่นอนและเครื่องนอนยังมีการจำหน่ายเพิ่มเติมผ่านการขายงานโครงการและส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ

นายยศเทพ สิงห์สัจจเทศ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยัสปาล จำกัด (มหาชน) หรือ JPC กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มบริษัทมีสาขาและจุดจำหน่ายสินค้าภายในศูนย์การค้าชั้นนำในกลุ่มประเทศอาเซียน ได้แก่ เวียดนาม มาเลเซียและกัมพูชา รวมถึงการจำหน่ายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ เพื่อตอบสนองความต้องการซื้อสินค้าที่มีความแตกต่างกันของลูกค้า 

นอกจากนี้ มีแผนขยายตลาดไปยังประเทศที่มีศักยภาพเติบโตสูงเพิ่มเติม จำนวน 44 สาขา ภายในปี 2567 เพื่อรับโอกาสการเติบโตทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภค โดย ฟิลิปปินส์ จะเป็นประเทศที่ 4 ที่จะมีการขยายสาขา 

กลุ่มบริษัทมีศักยภาพและความพร้อมในการดำเนินธุรกิจในตลาดต่างประเทศ ด้วยข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันในฐานะผู้นำในธุรกิจสินค้าแฟชั่นในประเทศไทย ที่มีแบรนด์สินค้าชั้นนำที่หลากหลายครอบคลุมไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค และเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้รับการยอมรับในระดับสากล จากการทำดำเนินกิจกรรมทางการตลาดเพื่อสร้างการจดจำแบรนด์ในตลาดต่างประเทศ 

โดย JASPAL ถือเป็นแบรนด์แรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ทำ Brand Collaboration ร่วมกับดีไซเนอร์ระดับโลกเพื่อสร้างสรรค์คอลเลคชั่นพิเศษ หรือการเลือกใช้ซูเปอร์โมเดลระดับโลกและเซเลบริตี้ นักแสดง นักร้องระดับโลก มาเป็นพรีเซนเตอร์ให้แก่แบรนด์ในกลุ่มบริษัทฯ เป็นต้น