posttoday

TSE รับทรัพย์โอนิโกเบ ปั้มรายได้ปีนี้ทุบสถิติ 3,000 ลบ.

12 สิงหาคม 2566

TSE เดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โอนิโกเบ กำลังการผลิตเสนอขาย 133 เมกะวัตต์ หนุนเป้ารายได้ปีนี้ทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์แตะระดับ 3,000 ล้านบาท

ดร.แคทลีน มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้ (รวมส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้า) จะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ลุ้นรายได้ขยับขึ้นไปแตะ 3,000 ล้านบาท จากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 1,974 ล้านบาท อันเนื่องจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Onikoube ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้เข้ามาสนับสนุนตั้งแต่ไตรมาส 2/66 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทได้เริ่มรุกธุรกิจ Private PPA (Private Power Purchase Agreement) หรือ ข้อตกลงการซื้อขายพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จากจากพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนอาคารของผู้ประกอบการธุรกิจแบบครบวงจร ทั้งการวิเคราะห์การลงทุน การออกแบบ การติดตั้ง การบำรุงรักษา และการรับประกันตลอดอายุสัญญา ตามความต้องการของผู้ประกอบการหรือองค์กร โดยองค์กรไม่ต้องลงทุนแต่อย่างใด อีกทั้งยังสามารถเลือกรูปแบบการติดตั้งและรูปแบบการบริหารค่าไฟฟ้าที่เหมาะสมกับการใช้งานขององค์กร เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ารายย่อยและกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมสำหรับการลดค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้า เพื่อผลกำไรในการดำเนินธุรกิจที่มากขึ้นในระยะยาว โดยธุรกิจใหม่ดังกล่าวจะเข้ามาสนับสนุนฐานรายได้ให้กับกลุ่มบริษัทฯ มากยิ่งขึ้นในอนาคตต่อไป

Q2 รายได้เฉียด 700 ลบ.

ดร. แคทลีน กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม จำนวน 483.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 154.2 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 46.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมค้าจำนวน 193.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.4 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 14.4 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และรายได้อื่นๆ ส่งผลให้ในไตรมาส 2 ปีนี้มีรายได้รวม 699.6 ล้านบาท ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 152.2 ล้านบาท

 ขณะเดียวกัน ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปีนี้ กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการรวมสำหรับ เป็นจำนวน 829.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 164.9 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 24.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งเท่ากับ 664.2 ล้านบาท และการร่วมค้ามีกำไรสุทธิสำหรับ 6 เดือนแรกปีนี้เท่ากับ 647.8 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มบริษัทรับรู้ส่วนแบ่งจากเงินลงทุนในการร่วมค้าเป็นจำนวน 388.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12.1 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนซึ่งเท่ากับ 346.7 ล้านบาท ส่งผลให้กลุ่มบริษัทสามารถทำกำไรสุทธิสำหรับงวด 6 เดือนแรกปีนี้เป็นจำนวน 385.5 ล้านบาท ลดลง 124.1 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 24.4 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนซึ่งเท่ากับ 509.6 ล้านบาท เนื่องจากเมื่องวด 6 เดือนแรกของปีก่อน กลุ่มบริษัทฯ มีรายการพิเศษจากการรับรู้กำไรจากการจำหน่ายโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นจำนวน 234.4 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมรายการกำไรพิเศษดังกล่าว กลุ่มบริษัทฯ จะมีกำไรสุทธิสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปีก่อนเท่ากับ 275.2 ล้านบาท โดยจะเป็นผลให้กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสำหรับงวด 6 เดือน เพิ่มขึ้นถึง 110.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 40.1 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

“การเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2/2566 นี้ มีสาเหตุหลักจากการรับรู้รายได้ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โครงการใหม่ที่ประเทศญี่ปุ่น คือ โครงการโอนิโกเบ (Onikoube) ที่เริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ในไตรมาส 2/2566 นี้ ประกอบกับการประกาศปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)”