posttoday

กลิ่นสลับขั้วโชย! 15 หุ้นราศีดีมีแววพุ่ง

15 กรกฎาคม 2566

สุญญากาศการเมืองยิ่งนาน เศรษฐกิจยิ่งเคว้งคว้าง โบรกชี้ช่องเก็ง 15 หุ้นพื้นฐานแกร่งร่วงแรงรับช่วงเปลี่ยนผ่านนโยบายการเมืองฉายแววผงาด

สายงานวิจัย บล. เอเซีย พลัส ระบุว่า ผลการลงมติโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของรัฐสภา มีคะแนนเสียงเห็นชอบนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี 324 เสียง ไม่เห็นชอบ 182 เสียง และงดออกเสียง 199 เสียง ถือว่าได้คะแนนเสียงไม่เกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกรัฐสภา (ขาดอีก 52 เสียงที่จะโหวตสนับสนุนเพื่อให้เสียงถึง 376 เสียง) ทำให้ไม่ผ่านการโหวตเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยในรอบแรก คาดว่าจะมีการนัดประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตอีกครั้งวันที่ 19 ก.ค.66

ภาวะที่เป็นสุญญากาสทางการเมือง หากนานเกินไปก็จะมีผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจไทย โดยนอกจากจะทำให้ขาดแนนโยบายในการขับเคลื่อนประเทศที่ชัดเจนแล้ว ก็จะมีผลต่อระบบงบประมาณ ซึ่งเรากำลังจะหมดปีงบประมาณ ในวันที่ 30 ก.ย.66 หากการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า ก็จะทำให้การจัดทำงบประมาณแผ่นดินปี 2567 (ปกติเริ่มใช้ 1 ต.ค.66) ต้องล่าช้าออกไป 

นอกจากนี้หากมีความไม่สงบนอกสภา โดยมีการนัดหมายชุมนุมกันในหลายจังหวัด อาจสร้าง Downside ต่อประมาณการ GDP ปีนี้ได้ ทั้งนี้ปัจจุบันแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยตัวหลักอยู่ที่ภาคท่องเที่ยวในภาวะปกติ อาทิ ปี 2562 มีสัดส่วนรายได้ราว 12% มูลค่า GDP ทั้งหมด ซึ่งต้องจับตาว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะนำไปสู่ภาวะที่เห็นการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวหรือไม่ หากนักท่องเที่ยวต่ำกว่าเป้าหมายก็จะส่งผลกระทบต่อการทำกำไรขอวหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม อาทิ CENTEL ERW MINT SHR AOT เป็นต้น

ในช่วงที่การเมืองเกิดภาวะสุญญากาศ กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ เน้น Trading หุ้นพื้นฐานแกร่งที่ย่อลงมาลึกจากความกังวลการเปลี่ยนผ่านนโยบายทางการเมือง หรือกลัวผลกระทบนโยบายของรัฐบาลก้าวไกล ทั้ง 4 กลุ่มด้านล่าง ดังนี้
1. หุ้นต้นทุนค่าแรง รายได้อิงโครงการภาครัฐ STEC, CK, BEM
2. หุ้นหวังพึ่งกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม SAWAD, CBG, JMT, TIDLOR
3. หุ้นทุนผูกขาด TRUE, CRC, CPN, CPALL
4. หุ้นได้รับผลกระทบปรับสูตรค่าไฟฟ้า GULF, BGRIM, GPSC, PTTGC

 

กลิ่นสลับขั้วโชย! 15 หุ้นราศีดีมีแววพุ่ง

 

อย่างไรก็ดี การเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งแรกไม่สำเร็จ และน่าจะมีการนัดหมายเลือกอีกรอ19 ก.ค.66 นี้ แต่เนื่องด้วยประเด็นความเสี่ยงทั้งนอกและในสภายังมีอยู่มาก คาดทำให้มีโอกาสเปิด Downside ของ GDP Growth ไทย ที่เดิมคาดอยู่ในกรอบ 3.5-4%ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯคาดตลาดหุ้นไทยมีโอกาสผันผวนต่อไปในเดือนนี้ และเชื่อว่า Fund Flow ต่างชาติยังคงไม่ไหลเข้ามาสะสมในเร็ววัน เลือกกลุ่มหุ้นสลับขั้วที่มีโอกาส Outperform SET ในช่วงเวลาดังกล่าว ชอบ STEC, CBG, TIDLOR, CRC, CPALL, GULF, PTTGC เป็นต้น

 

หุ้น Global Play น่าสน ?

ความกังวลเงินเฟ้อสหรัฐสูงลดน้อยลง หนุนเม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัยสะท้อนจาก Bond Yield 2 ปีสหรัฐที่ลดลงเร็วล่าสุดอยู่ที่4.65% เช่นเดียวกับ Dollar Index อ่อนค่าลงมาจนหลุด 100 จุด ช่วยหนุนสินทรัพย์เสี่ยง อย่าง ตลาดหุ้นทั่วโลกและตลาดหุ้น Cyptroให้ปรับตัวขึ้นเด่นในสัปดาห์นี้

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยที่สร้าง Sentiment ให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า คือ กลุ่ม BRICS ประกอบด้วย 5 ประเทศ บราซิล (Brazil) รัสเซีย (Russia) อินเดีย (India) จีน (China) และแอฟริกาใต้ (South Africa) กำลังสร้างสกุลเงินใหม่ที่มีทองคำเป็นสินทรัพย์หนุนหลัง (BRICS Gold Backed Currency) คาดจะมีการนำออกมาใช้ใน ส.ค. นี้ ประเด็นนี้ช่วยเสริมความแข็งแกร่งลดความผันผวนทางการเงินระหว่างกัน แต่อาจกดดันให้ความต้องการเงินดอลลาร์อาจลดลง หรือดอลลาร์อ่อนค่าลงได้ดอลลาร์หลุด 100 จุด

ประเด็นดังกล่าวช่วยหนุนให้ราคา Commodity อย่าง ราคาน้ำมันบวก 9%mtd ถือเป็น Sentiment ช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยที่มีองค์ประกอบหุ้นอิง Commodity กว่า 1 ใน 3 ขณะที่ราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานบ้านเราหลายๆ ตัว ยัง Laggard ราคาน้ำมันอยู่ อาทิ PTTEP +4.7%mtd, ESSO +4.5%mtd,TOP +4.5%mtd, IRPC +2.6%mtd, PTT +2.2%mtd, SETENERG 1.1%, OR -2.4% เป็นต้น
 

กลิ่นสลับขั้วโชย! 15 หุ้นราศีดีมีแววพุ่ง