posttoday

ฤา จะเป็น STARK ภาค 2...เจาะเบื้องลึก NUSA

15 กรกฎาคม 2566

อย่าปล่อยให้กลายเป็น STARK 2!! เปิดเบื้องลึก NUSA หลัง ตลท. สั่งชี้แจงหลายประเด็นร้อน ตามที่ผู้สอบบัญชีตั้งข้อสังเกต-แผนเพิ่มทุนขาย PP วงเงิน 13,000 ล้านบาท ส่องความเชื่อมโยงระหว่าง NUSA-ธนา พาวเวอร์ โฮลดิ้ง-WEH-DEMCO

เหมือนว่าประเด็นของหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กจะยังคงทำให้ตลาดหุ้นไทยปั่นป่วนไม่จบ

หลังจาก ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 ก.ค.2566 ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ออกมาเตือนผู้ลงทุนให้ศึกษาข้อมูลงบการเงินของ บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA อย่างรอบคอบ ก่อนตัดสินใจลงทุน

ขณะเดียวกัน ตลท. ยังสั่งให้ NUSA ชี้แจงข้อมูลโดยอ้างถึงงบการเงินในไตรมาส 1/2566 หลังจากที่ผู้สอบบัญชีแสดงความเห็นอย่างมีเงื่อนไขและมีข้อสังเกต ใน 3 ประเด็น ประกอบด้วย

1.การเข้าซื้อโรงแรมที่เยอรมนี หลังมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบและเงื่อนไขการลงทุนในโรงแรมดังกล่าว แต่ไม่เรียกคืนเงินมัดจำทันที

2.กรณีการขยายเวลาคืนเงินเพิ่มทุนและเงินมัดจำให้ บริษัท มอร์มันนี่ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มอร์ มันนี่) รวม 57.5 ล้านบาท หลังยกเลิกร่วมทุน

3.ความสามารถของกลุ่มมบริษัทในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง หลังผลขาดทุนจากการดำเนินงานต่อเนื่องหลายปีและ ณ สิ้นไตรมาส 1/2566 กลุ่มบริษัทมีหนี้สินสำคัญ คือ เจ้าหนี้ค่างานก่อสร้างของ บริษัท ณุศา เลเจนด์ สยาม จำกัด(ณุศา เลเจนด์) รวม 1,723 ล้านบาท จนกระทั่งเข้าสู่การฟ้องร้องเป็นข้อพิพาท

จากนั้นในวันเดียวกัน ทาง NUSA ได้รีบออกมาชี้แจงตามที่ ตลท. สอบถาม โดยให้เหตุผลทั้ง 3 ประเด็น ระบุว่าบริษัทได้มีการเปลี่ยนจากการซื้อทรัพย์สิน เป็นซื้อหุ้น และเหตุที่บริษัทไม่รับเงินมัดจำคืนทันที เนื่องจากผู้ขายหุ้น คือบุคคลเดียวกับผู้ขายทรัพย์เดิม และปัจจุบันบริษัทได้รับการโอนกรรมสิทธิในหุ้นมาเป็นของบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ส่วนประเด็นการขยายเวลาคืนเงินเพิ่มทุนและเงินมัดจำให้ มอร์ มันนี่ ให้เหตุผลว่า ทาง มอร์ มันนี่ ใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการจัดคอนเสิร์ต Rolling Loud Thailand 2023 ยังไม่แล้วเสร็จ

และที่ดูจะเป็นประเด็นมากที่สุด คือ การชี้แจงเรื่องความสามารถของกลุ่มบริษัทในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพราะนอกจาก NUSA จะออกมาบอกว่า ยังไม่มีคําสั่งศาลเป็นที่สิ้นสุด ยังระบุอีกว่า จะแก้ไขปัญหาหนี้ดังกล่าว โดยการเพิ่มทุนแก่บุคคลในวงจํากัด (PP) ในวงเงินประมาณ 13,000 ล้านบาท ซึ่งจะเพียงพอในการชําระหนี้และการขยายงานในอนาคต!!!

โดยล่าสุด ได้ออกมาชี้แจงว่า การเพิ่มทุนแก่บุคคลในวงจํากัด (PP) ในวงเงินประมาณ 13,000 ล้านบาท เพื่อแลกการเข้าถือหุ้นใน บริษัท วินด์เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) กับกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ WEH โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาของที่ปรึกษา และการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ คณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ ตลท. ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป จึงยังไม่ได้นําเสนอเพื่อขออนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทแต่อย่างใด

คำถาม คือ ประเด็นคำถามจาก ตลท. ที่ให้ชี้แจง และคำตอบจาก NUSA เพียงพอที่จะเป็นข้อมูลสำหรับผู้ถือหุ้น และนักลงทุนหรือยัง?

ดังนั้น อยากให้ ตลท. เข้าไปตรวจสอบเพิ่มเติมในส่วนของผู้ถือหุ้นของ NUSA คือ บริษัท ธนา พาวเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัดผู้ถือหุ้นใหญ่ อันดับ 1 ของ NUSA ในสัดส่วน 24.98% นายประเดช กิตติอิสรานนท์ ถือหุ้นอันดับ 2 ในสัดส่วน 7.15% และกลุ่มครอบครัวกิตติอิสรานนท์ ได้แก่ น.ส.เจนจิรา กิตติอิสรานนท์ ถือหุ้นอันดับ 3 ในสัดส่วน 4.64% น.ส.นันทิดากิตติอิสรานนท์ ถือหุ้นอันดับ 4 ในสัดส่วน 3.84% และนายกำธร กิตติอิสรานนท์ ถือหุ้นอันดับ 6 ในสัดส่วน 3.50% ซึ่งถือหุ้นรวมกันเกือบ 50% เป็นกลุ่มผลประโยชน์เดียวกันหรือไม่ และจะต้องมีการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์หรือไม่

รวมไปถึงการตรวจสอบกรณีการซื้อขายโรงแรมที่เยอรมนีว่า เจ้าของที่แท้จริงของโรงแรมที่เยอรมนี คือใคร มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรรมการของ NUSA หรือไม่

ขณะเดียวกัน อยากให้ NUSA ออกมาชี้แจงในหลายๆ เรื่อง เพื่อยืนยันความโปร่งใสของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการก่อหนี้เพิ่ม เพื่อเข้าซื้อหุ้นของ บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ DEMCO และการเข้าลงทุนใน WEH ทั้งๆ ที่บริษัทยังมีการผิดนัดชำระหนี้ และขอผ่อนผันการชำระหนี้

รวมทั้งความคืบหน้าการจัดตั้ง บริษัท ณุศา-ซีเอสอาร์ จำกัด (NUSA-CSR) โดย NUSA และพันธมิตรชาวจีน เพื่อรุกธุรกิจท่องเที่ยวเชิงเกษตร รวมถึงผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชง-กัญชา และผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย และมีการเปิดให้จองต้นไม้มหัศจรรย์ (มิราเคิล ทรี) หรือต้นกัญชา ในราคาต้นละ 10,000 บาท หลังผลประกอบการปี 2565 ขาดทุนถึง 1,200 ล้านบาท

เปิดเบื้องหลัง NUSA

NUSA มีผู้ถือหุ้นใหญ่ อันดับ 1 คือ บริษัท ธนา พาวเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้นในสัดส่วน 24.98% หลังทำการสวอปหุ้นกับผู้ขายหุ้นใน WEH เมื่อปี 2565 ทำให้ปัจจุบัน NUSA ถือหุ้น WEH ในสัดส่วน 7.12% และ บริษัท ธนา พาวเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้น NUSA ในสัดส่วนดังกล่าว แต่ไม่มีการส่งกรรมการเข้ามานั่งใน NUSA นอกจากนี้ ยังมีครอบครัวกิตติอิสรานนท์ เข้ามาถือหุ้น NUSA รวมแล้วคิดเป็นสัดส่วน 44.11%

บริษัท ธนา พาวเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด เป็นบริษัทย่อยที่ WEH ถือหุ้น 100% โดยมี นายกำธร กิตติอิสรานนท์ (บุตรชายของ นายประเดช กิตติอิสรานนท์) นั่งเป็นกรรมการ

WEH มี นายประเดช กิตติอิสรานนท์ ผู้ถือหุ้นอันดับ 2 ของ NUSA ในสัดส่วน 7.15% เป็นผู้คุมอำนาจบริหาร ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหาร และกรรมการ WEH นอกจากนี้ ยังมี น.ส.นันทิดา กิตติอิสรานนท์ (บุตรสาวของ นายประเดช กิตติอิสรานนท์) และ นายกำธร กิตติอิสรานนท์ นั่งเป็นกรรมการ

ขณะเดียวกัน NUSA ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ อันดับ 1 ของ DEMCO ถือหุ้นในสัดส่วน 23.28% บริษัท ธนา พาวเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้น DEMCO อันดับ 6 ในสัดส่วน 2.03% และ น.ส.เจนจิรา กิตติอิสรานนท์ ถือหุ้น DEMCO อันดับ 7 ในสัดส่วน 1.90%

การเชื่อมโยงของบริษัทเหล่านี้เป็นผลประโยชน์ของใคร?

 

ผู้ถือหุ้น 10 รายแรก ของ NUSA

1. บริษัท ธนา พาวเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้น 3,263,716,150 หุ้น คิดเป็น 24.98%

2. นายประเดช กิตติอิสรานนท์ ถือหุ้น 934,765,200 หุ้น คิดเป็น 7.15%

3. น.ส.เจนจิรา กิตติอิสรานนท์ ถือหุ้น 605,826,100 หุ้น คิดเป็น 4.64%

4. น.ส.นันทิดา กิตติอิสรานนท์ ถือหุ้น 501,545,300 หุ้น คิดเป็น 3.84%

5. บริษัท อินเตอร์-ไฮ (ประเทศไทย) 2011 จำกัด ถือหุ้น 500,000,000 หุ้น คิดเป็น 3.83%

6. นายกำธร กิตติอิสรานนท์ ถือหุ้น 456,868,200 หุ้น คิดเป็น 3.50%

7. บริษัท ดีดี มาร์ท โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้น 454,909,500 หุ้น คิดเป็น 3.48%

8. นายวงศกร เทพเจริญ ถือหุ้น 331,193,491 หุ้น คิดเป็น 2.53%

9. น.ส.อาทิกา ท่อแก้ว ถือหุ้น 314,080,217 หุ้น คิดเป็น 2.40%

10. นายไพโรจน์ ศิริรัตน์ ถือหุ้น 311,039,481 หุ้น คิดเป็น 2.38%

 

ผู้ถือหุ้น 10 รายแรก ของ DEMCO

1. บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 170,000,000 หุ้น คิดเป็น 23.28%

2. นางประพีร์ ปุ้ยพันธวงศ์ ถือหุ้น 110,423,966 หุ้น คิดเป็น 15.12%

3. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้น 42,360,913 หุ้น คิดเป็น 5.80%

4. นายศิริศักดิ์ สนโสภณ ถือหุ้น 38,600,000 หุ้น คิดเป็น 5.29%

5. นายสวาสดิ์ ปุ้ยพันธวงศ์ ถือหุ้น 33,213,288 หุ้น คิดเป็น 4.55%

6. บริษัท ธนา พาวเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้น 14,833,900 หุ้น คิดเป็น 2.03%

7. น.ส.เจนจิรา กิตติอิสรานนท์ ถือหุ้น 13,842,100 หุ้น คิดเป็น 1.90% 

8. นายธีระชัย วรัญญูรัตนะ ถือหุ้น 8,375,000 หุ้น คิดเป็น 1.15%

9. นายสุวัฒน์ จรดล ถือหุ้น 6,650,968 หุ้น คิดเป็น 0.91%

10. น.ส.อรสา ไตรตรึงษ์ทัศนา ถือหุ้น 5,792,400 หุ้น คิดเป็น 0.79%

ตอนนี้ไม่เป๊ะก็ไม่เป็นไร แต่เป๊ะเมื่อไหร่ ตลาดหุ้นไทยระส่ำอีกแน่! นักลงทุนรายย่อยกลายเป็นเหยื่ออีกตามเคย...ป้องกัน กับ ล้อมค้อม แบบไหนจะดีกว่ากัน?

ข่าวล่าสุด

LH Bank ออกผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก “LHB OPD SAVER”