posttoday

นายกฯใหม่-การเมืองเสถียร ดูด Fund Flowไหลกลับ ดันหุ้นไทยทะลุ 1600

05 กรกฎาคม 2566

ด่านสำคัญ! โหวตนายกฯคนใหม่-การเมืองแกร่งมีเสถียร ฟื้นเชื่อมั่นต่างชาติดึงเม็ดเงินลงทุนไหลกลับ ดันหุ้นไทยทะลุ 1,600 จุด แนะจังหวะซื้อ 7 หุ้นเข้าตา แต่หากพลิกโผรอซื้อช่วงย่อแถว 1,480 จุด

     นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส (ASPS) เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 3/66 มองว่าผันผวน จากความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปที่มีโอกาสเกิดภาวะถดถอย (Recession) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังมีการส่งสัญญาณในการขึ้นดอกเบี้ยต่อเพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลักๆยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นอยู่ค่อนข้างมาก

     อีกทั้ง การเมืองถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ เพราะตลาดต้องการความชัดเจน 2 เรื่อง คือ การเร่งแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และการมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของต่างชาติ

     ประกอบกับ กำไรบริษัทจดทะเบียนปีนี้คาดอยู่ที่ 1.12 ล้านล้านบาท คาด EPS66 ที่ 91.8 บาท/หุ้น เติบโต 12.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ในเชิง Valuation จะได้ค่า Market Earning Gap ที่ 4.11% ใกล้ค่าเฉลี่ยในรอบ 12 ปี สามารถดึงเม็ดเงินต่างชาติไหลกลับมาได้ 

     นอกจากนี้ หากมูลค่าการซื้อขาย(วอลุ่ม)ต่อวันเฉลี่ยมากกว่า 5 หมื่นล้านบาทเข้ามาเสริมจะยิ่งผลักดันดัชนีหุ้นไทยขึ้นทดสอบต้านสำคัญ 1,610 จุดได้

     แต่ในทางกลับกันหากเกิดกรณีเปิดโหวตนายกฯ มากกว่า 1 ครั้งหรือไม่เป็นไปตามคาดดัชนีมีโอกาสย่อตัวลง แต่คาดว่า 1,480 จุดเอาอยู่ และเป็นจุดเข้าซื้อสะสม

นายกฯใหม่-การเมืองเสถียร ดูด Fund Flowไหลกลับ ดันหุ้นไทยทะลุ 1600

7 หุ้นน่าช้อป

     ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 3/66 หาก SET Index ย่อตัวลงมาแรงกว่าพื้นฐานที่ควรจะเป็นแนะน่าสะสมหุ้นพื้นฐานดีราคาลงลึก และปัจจัยบวกเฉพาะตัว คือ 1.กำไร 2Q66 ฟื้นเด่น แนะนำทยอยสะสม หุ้น IVL มูลค่าพื้นฐานปี66 อยู่ที่ 44 บาทสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว เป็นหุ้นที่ให้ปันผลสม่ำเสมอรายไตรมาส

     หุ้น BEM จะเดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่ของกำไรจากการดำเนินงานต่อเนื่องในช่วง 3 ปีข้างหน้า สอดรับกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศและการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมประเมินมูลค่าเหมาะสมด้วยวิธี SOTP ได้ที่ 11.50 บาท

     หุ้น JMT ระยะสั้นมีปัจจัยบวกจากกำไรงวด 2Q66 ที่คาดจะออกมาดีและยังมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่องไปใน 2H66 และราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยลบต่างๆไปมากแล้ว 

นายกฯใหม่-การเมืองเสถียร ดูด Fund Flowไหลกลับ ดันหุ้นไทยทะลุ 1600

     2.หุ้นได้รับอานิสงส์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากจีน แนะนำ หุ้น SCGP ศักยภาพของบริษัทที่เพิ่มขึ้นอย่างมากหลังเข้า IPO ในปี 2563 จากดีลซื้อกิจการและการเติบโตแบบ Organic Growth พร้อมกลับมาสร้างการเติบโตรอบใหม่ให้ SCGP หลังหลายปัจจัยลบเริ่มผ่อนคลายลง แนะนำซื้อ ประเมินราคาเหมาะสมวิธี DCF ได้ที่ 56 บาท

     หุ้น ERW แนะนำ OUTPERFORM ราคาเป้าหมาย 5.70 บาท นอกจากปัจจัยด้าน EARNING MOMEMTUM มองว่าด้วยโครงสร้างรายได้มาจากโรงแรมไทยราว 90% มากสุดในกลุ่มฯจึงได้ประโยชน์มากสุดหากมีการกระตุ้นภาคท่องเที่ยว ถือเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐไทยกิจของทุกรัฐบาล

     หุ้น III แม้แนวโน้มกำไร 2Q66 อาจไม่โดดเด่นมากนัก แต่ฝ่ายวิจัยมองว่า DOWNSIDE จำกัดมากเช่นกัน ประกอบกับแนวโน้ม3Q66-4Q66 จะทำได้ดีขึ้นจากค่าระวาง และ VOLUME การขนส่งที่จะปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ธุรกิจร่วมทุนจะเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุน III ได้ในระยะยาว ประเมิน FAIR VALUE โดยอิง HISTORICAL PER ที่ 23 เท่า ได้ราคาเหมาะสม 18.10 บาท

     และ หุ้น SCB แนะนำ OUTPERFORM ราคาเป้าหมาย 132 บาท จาก 1.แนวโน้มกำไรปี66 เติบโต 2.คาดการณ์ DIV YIELD น่าสนใจราว 6% ต่อปี(จ่ายปีละ 2 ครั้ง) สูงสุดในกลุ่ม ธ.พ.ใหญ่ 3.การเริ่มนำ AI มาช่วยในการทำธุรกิจช่วยตอบโจทย์ความต้องการ/เข้าถึง ลูกค้าได้หลากหลายมากขึ้น 

     "พอร์ตลงทุนโดยรวม นักลงทุนสามารถแบ่งเงินลงทุนในพอร์ตหุ้นไทย ราว 30% , หุ้นต่างประเทศ 30% , ตลาดตราสารหนี้ 15% , ตลาดทางเลือก หรือ โครงสร้างพื้นฐาน 10%ได้" 

นายกฯใหม่-การเมืองเสถียร ดูด Fund Flowไหลกลับ ดันหุ้นไทยทะลุ 1600