posttoday

แดงเดือด! สแกนหุ้น 14 กลุ่มอุตสาหกรรม น่าซื้อ-เลี่ยง ? คัด 7 กลุ่มชนะตลาด

22 มิถุนายน 2566

ของถูกเต็มตลาด! หุ้นไทยแดงเดือด โบรกสแกนหุ้น 14 กลุ่มอุตสาหกรรม น่าซื้อ รึ ควรเลี่ยง ? พร้อมคัด 7 กลุ่มหุ้นเข้าธีม Outperform ผลประกอบการไตรมาส 3/66 ดี มีโอกาสชนะตลาด

ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดการซื้อขายเช้านี้(22 มิ.ย.2566) อยู่ที่ 1,507.84 จุด ลดลง -14.28 จุด คิดเป็น -0.94% มูลค่าการซื้อขาย 24,281.08 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นสูงสุด ที่ 1,525.26 จุด และลดลงต่ำสุด 1,506.09 จุด 

แดงเดือด! สแกนหุ้น 14 กลุ่มอุตสาหกรรม น่าซื้อ-เลี่ยง ? คัด 7 กลุ่มชนะตลาด

 

ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า สัปดาห์นี้ SET Index ปรับตัวลงแรงกว่า 37 จุด หรือ 2.4% จนล่าสุดอยู่ระดับ 1522.12 จุด จากปัจจัยกดดันทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งการปรับตัวลงของ SET Index กดดันกลุ่มอุตสาหกรรมหลายกลุ่ม

ดังนั้นวันนี้ฝ่ายวิจัยฯนำเสนอ Outlook แต่ละอุตสาหกรรมว่า กลุ่มไหนน่าลงทุน กลุ่มไหนควรหลีกเลี่ยง ในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้า เพื่อที่จะให้ผลตอบแทนของนักลงทุนสามารถแข็งแกร่งกว่าตลาดฯได้

ซึ่งจะมีรายละเอียด ดังนี้

1.กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี (+) ถ้าประเมินจากปัจจัยแวดล้อมพื้นฐานของกลุ่ม พบว่าทิศทางกำไรของกลุ่มฯน่าจะมี downside ที่จำกัดแล้ว สะท้อนได้จากราคาcommodity ต่างๆทั้งราคาปิโตรเลียม ปิโตรเคมี รวมถึงถ่านหิน ที่ปรัยตัวลดลงค่อนข้างมีนัยฯในช่วง 1H66 ที่ผ่านมา ตามความต้องการที่ชะลอตัวจากผลกระทบทางเศรษฐกิจในหลายๆประเทศทั่วโลก

แต่จากนี้คาดว่าด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆของแต่ละประเทศที่ทยอยออกมา โดยเฉพาะจีน ซึ่งถือเป็นผู้บริโภคหลักในภูมิภาค น่าจะส่งให้ความต้องการใช้ commodity ต่างๆค่อยๆปรับตัวสูงขึ้นได้เช่นเดียวกับทิศทางราคาหุ้นของกลุ่มฯ ที่ปรับตัวลดลงมาในช่วง 1H66 สะท้อนปัจจัยกระทบต่างๆที่เกิดขึ้นไปแล้วระดับหนึ่งจนมี downside ที่จำกัด

ดังนั้นจากนี้ไปคาดราคาหุ้นมีโอกาสที่จะค่อยๆปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งในภาพระยะยาวช่วง 2H66 ทิศทางราคาหุ้นน่าจะอยู่ในช่วงขาขึ้นได้ แต่ช่วงสั้นๆอาจจะมีการปรับขึ้นลงตามราคา commodity ที่เปลี่ยนแปลงรายวัน ดังนั้นรอหาจังหวะทยอยสะสมลงทุนสำหรับกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี

**ครึ่งหลังฟื้น

2.กลุ่มโรงไฟฟ้า (+) คาดทิศทางกำไรปกติในช่วง 2Q66 ของกลุ่มฯโดยรวมยังดูทรงตัวใกล้เงียงกับงวด 1Q66 แม้มีปัจจัยบวกจากต้นทุนพลังงานที่เริ่มมีทิศทางขาลง แต่ยังถูกกดดันจากค่าไฟฟ้าผันแปร(Ft)ที่ปรับตัวลดลงตาม ทำให้อัตรากำไร(GPM)คาดเพียงประคองตัวใกล้เคียงเดิม QoQ

อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2565 คาดเห็นการฟื้นตัวของกำไรปกติชัดเจน YoY เนื่องจากไม่มีนโยบายตรึงค่า Ft เพื่อช่วยเหลือภาคประชาชนไว้เหมือนปีก่อนหน้า และจำเป็นต้องมีการทยอยคืนหนี้บางส่วนให้กับ กฟผ. ส่งผลให้ค่า Ft สะท้อนต้นทุนพลังงานที่แท้จริงได้มากขึ้น 

ในช่วงสั้นคาดอาจยังมีปัจจัยกดดันจากประเด็นทางการเมือง, แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และราคาน้ำมันที่ยังมีความผันผวนสูง ซึ่งเป็น sentiment เชิงลบกดดันต่อราคาหุ้นในกลุ่มฯได้

ขณะที่ทิศทางกำไรปกติในงวด 3Q66 คาดจะเริ่มเห็นการทยอยฟื้นตัว QoQ โดยมีแรงหนุนหลักมาจากต้นทุนพลังงานที่คาดจะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง QoQ ขณะที่ปัจจัยเฉพาะของหุ้นรายตัวอาจมีแรงหนุนจากการเข้าสู่ช่วง High season ของฤดูกาลน้ำ ส่งผลให้ผู้ประกอบการที่มีโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำจะได้ปัจจัยบวกหนุนด้านการเข้าสู่ฤดูกาลดังกล่าวด้วย

**CRC-CPALL-MAKRO แกร่ง

3.กลุ่มค้าปลีก แนวโน้มกำไรงวด 3Q66 ของหุ้นในกลุ่มพาณิชย์ คาดจะถูกกดดันจากผลของฤดูกาล ซึ่งจะทำให้ยอดขายโดยรวมและกำไรของหุ้นกลุ่มนี้ลดลงจากไตรมาสก่อน อย่างไรก็ตามคาดกำไรของกลุ่มยังโตได้ YoY จาก 1) ฐานต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 2) รายได้ที่คาดจะเติบโตขึ้น จากกำลังซื้อที่เริ่มดีขึ้น

ทั้งนี้ฝ่ายวิจัย มองว่า CRC, CPALL และ MAKRO แม้ยังมีความแข็งแกร่งของการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) แต่ราคาหุ้นจะยังถูกกดดันจากความกังวลเรื่องนโยบายเกี่ยวกับกลุ่มทุนผูกขาดไปจนกว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น หลังการจัดตั้งรัฐบาล

ขณะที่หุ้นขนาดกลาง อย่าง HMPRO และ DOHOME จะได้รับผลกระทบจากการที่ลูกค้าเป้าหมายมีแนวโน้มเลื่อนการซ่อมแซม ปรับปรุงบ้าน ช่วงฤดูฝนออกไปก่อน

**ส่อง 6 หุ้นแบงก์

4.กลุ่มธนาคาร (+) แรงหนุนจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยช่วงต้น มิ.ย.66 คาดเป็นแรงส่งต่อ NII ช่วง 3Q66 ดีต่อ ธนาคารพาณิชย์ใหญ่ (ลบต่อ KKP, TISCO) สำหรับ ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เรียงตามความชอบ ดังนี้ KTB (Outperform : [email protected]) > BBL (Outperform :FV@B174) > SCB (Outperform FV@B132) > KBANK (Neutral : FV@B140)

ส่วน ธนาคารพาณิชย์เล็ก เลือก TISCO (FV@B108) มากกว่า KKP (FV@B73)

5.กลุ่มขนส่ง (+) แนวโน้มกำไร 3Q66 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น QoQ เนื่องจากมองว่าร่าระวางทั้งทางเรือและทางอากาศได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วง 2Q66 และคาดว่าค่าระวางในช่วง 3Q66 จะไม่ลดลงจากไตรมาส 2 เนื่องจากช่วง 3Q66 จะเริ่มเห็นผลจากการกระตุ้นเศรษฐกิจจากจีน นอกจากนี้ในแง่ของ volume ขนส่ง 3Q66 จะดีกว่า 2Q66 เช่นกัน

**ว่าด้วยเรื่อง ADVANC-TRUE

6.กลุ่ม ICT แนวโน้มในงวด 3Q66 คาดกำไรโดยรวมของกลุ่ม ICT จะยังค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่คาดยังเห็นการเติบโต YoY ตามทิศทางผลการดำเนินงานของผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือ ADVANC และ TRUE ซึ่งเป็นตัวหลักที่มีผลกระทบต่อกำไรโดยรวมของกลุ่ม

โดยคาดว่าทั้ง 2 บริษัทจะยังมีรายได้ค่าบริการที่ค่อนข้างทรงตัว QoQ ขณะที่ยอดขายอุปกรณ์มือถือน่าจะชะลอตัว เพราะเชื่อว่าผู้บริโภคจะรอการเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ในช่วงปลาย 3Q66

ขณะที่หุ้นขนาดกลางอย่าง JMART คาดมีกำไรที่ค่อยๆดีขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยมีธุรกิจบริการ/ติดตามหนี้ (JMT) เป็นตัวผลักดันรายได้ แต่ธุรกิจหลักอย่างการจัดจำหน่ายอุปกรณ์มือถือยังไม่โดดเด่นใน 3Q66 ขณะที่การฟื้นตัวของ SINGER น่าจะค่อยเป็นค่อยไป

**AP-SC-SIRI ปันผลสูง

7.กลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย (+) แม้การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นขาดปัจจัยขับเคลื่อนระยะสั้น (SET Prop ตั้งแต่ต้น มิ.ย. ลดลง 1.6% เทียบกับ SET ที่ลดลง 0.7%) จากประเด็นเรื่องความกังวลเรื่องทิศทางดอกเบี้ยที่มีโอกาสปรับขึ้น และการดำเนินงานกลุ่มฯ 2Q66 ที่ไม่ได้โดดเด่น

ส่วนหนึ่งจากผลกระทบของเทศกาลวันหยุดยาว เม.ย. และต้น พ.ค. แต่คาดสถานการณ์ที่จะดีขึ้นในช่วง 2H66 จากคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในตลาดแตะระดับสูงสุดแล้ว, กิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศมีปัจจัยขับเคลื่อนจากรัฐบาลชุดใหม่, กำลังซื้อของลูกค้าต่างชาติที่จะเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนการเปิดโครงการใหม่เชิงรุก และโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯใหม่จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนต่อราคาหุ้นในกลุ่มระยะถัดไป

คงแนะนำลงทุนเท่าตลาดสำหรับกลุ่มฯ เลือกหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง, ทิศทางกำไรปีนี้มีโอกาสทำ New High ต่อเนื่อง และเงินปันผลสูงเฉลี่ยอย่างน้อย 6% ต่อปี ได้แก่ AP ([email protected]), SC ([email protected]) และ SIRI ([email protected])

8.กลุ่มร้านอาหาร (-) 2Q เป็น High Season จากวันหยุดยาว ก่อนจะชะลอตัวในงวด 3Q66 ประเมินราคาหุ้น M งวด 3Q66 ยังไม่เด่นเมื่อเทียบกับ Set Index

9.กลุ่มนิคมฯ แนวโน้มกำไร 3Q66 คาดว่าจะทรงตัว QoQ เนื่องจาก ยอดการโอนและการขายที่ดินมักจะมาในช่วง 4Q

10.กลุ่มเสาเข็ม (-) แนวโน้มกำไรไตรมาส 3 คาดว่าจะลดลง QoQ เนื่องจาก ทั้ง SEAFCO และ PYLON รับรู้รายได้จากงาน ม่วงใต้, Central North Pole และ AIA ไปหมดแล้วในช่วง 1H66 และยังหางานเข้ามาเติมในช่วง 3Q66 ได้ไม่มากเท่าที่เคยทำในช่วง 1H66 ประกอบกับงานที่ทำในช่วง 3Q66 ไม่โดดเด่นเหมือน 1H66

**SCC ปลายปีมีข่าวดี 

11.กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (-) การเข้าสู่ช่วงฤดูฝนซึ่งถือเป็น Low Season ของกลุ่มวัสดุก่อสร้าง บวกกับการขาดปัจจัยหนุนด้าน Demand โดยเฉพาะกลุ่มสินค้า
ระดับกลาง-ล่าง จากปัญหาด้านกำลังซื้อ น่าจะทำให้ราคาหุ้นส่วนใหญ่ในกลุ่ม underperform ตลาด

อย่างไรก็ตามมีหุ้นบางตัวที่น่าสนใจอย่าง SCC ที่เชื่อว่าจะเริ่มก้าวออกจากช่วงวัฏจักรขาลงของธุรกิจปิโตรเคมีปลายปีนี้ อาจเห็นการกลับเข้ามาซื้อของนักลงทุนต่างชาติอีกครั้ง หลังเทขายหุ้น SCC ออกมาต่อเนื่อง 7 ปี

12.กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง แม้ระยะสั้นยังขาดปัจจัยสนับสนุน โดยเฉพาะการเปิดประมูลโครงการใหม่ที่หายไปในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่ และความเสี่ยงเรื่องการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แต่ราคาหุ้นหลายบริษัทปรับตัวลดลงจนต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชี อีกทั้งมูลค่า Backlog โดยรวมของกลุ่มยังอยู่ในระดับสูงมาก เชื่อ Downside Risk ของราคาหุ้นน่าจะมีอีกไม่มาก

**MINT เข้าไฮซีซัน

13.กลุ่มท่องเที่ยว (+) 2Q66 มอง MINT (Outperform: FV@B38) เด่นสุดในกลุ่มฯจาก High Season ใน EU (สัดส่วนราว 50% ของรายได้รวม) ส่วน 3Q66 หลังเริ่มผ่าน Low Season ของท่องเที่ยวไทยคาดทำให้หุ้นที่มีโครงสร้างรายได้ในไทยสูงน่าสนใจ

เรียงตามสัดส่วนดังนี้ AOT(Outperform : FV@B80), ERW (Outperform : [email protected]) และ CENTEL (Neutral : FV@B60)

**ยานยนต์เสี่ยงสูง

14.กลุ่มยานยนต์ (+) 2Q เป็น Low Season เพราะวันหยุดยาว ก่อนฟื้นตัวงวด 3Q อย่างไรก็ดีสถานการณ์เศรษฐกิจโลกมีความผันผวน (สัดส่วนราว 50% ของยอดผลิตรถยนต์ไทยมาจากภาคส่งออก)

ประกอบกับหุ้นในกลุ่ม อย่าง AH และ SAT ราคาหุ้น YTD ยังให้ผลตอบแทนชนะตลาดอยู่ จึงประเมิน Risk to reward ยังไม่น่าสนใจ และคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มฯน้อยกว่าตลาด


แดงเดือด! สแกนหุ้น 14 กลุ่มอุตสาหกรรม น่าซื้อ-เลี่ยง ? คัด 7 กลุ่มชนะตลาด
 

อย่างไรก็ดี ปัจจัยแวดล้อมของ SET Index ที่ดูไม่สดใส ทำให้ดัชนีผันผวนในช่วงนี้ ซึ่งวันนี้มองกรอบแนวรับที่ระดับ 1510 จุด ดังนั้น ฝ่ายวิจัยฯจึงแนะนำกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีโอกาส Outperform หุ้นไทย SET Index ได้ในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้า

จากการคาดการณ์เบื้องต้นของผลประกอบการไตรมาส 3/2566 ดี อาทิ ENERG, BANK, TRANS, PROP, PETRO, TOURISM และ AUTO 

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด แอสตัน วิลล่า พบ แมนยู พรีเมียร์ลีก วันนี้ 21 ธ.ค.68