posttoday

คัด 2 หุ้นกลุ่มโรงแรมสุดแกร่ง สวน Q2 โลว์ซีซั่น

09 มิถุนายน 2566

รู้ก่อนลงทุน! หุ้นกลุ่มโรงแรม คัด 2 หุ้นสุดแกร่งไตรมาส 2 แม้เข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่นในประเทศ ชู “MINT” Outperform กลุ่ม จากการเข้าสู่ High Season ของกลุ่ม NH Hotel ขณะที่ “CENTEL” รายได้จากกลุ่มอาหารหนุนเติบโต

บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า นักท่องเที่ยงต่างชาติกลับมาเดินทางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศแล้ว 10 ล้านราย นับเป็น 33% ของเป้าจำนวนนักท่องเที่ยว 30 ล้านราย โดยเฉลี่ยมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศเดือนละ 2.0 ล้านราย ซึ่งยังถือว่าต่ำกว่าช่วง Pre-COVID ในปี 2562 ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเฉลี่ยเดือนละ 3.0 ล้านราย โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2566 ที่ 10 ล้านราย นับเป็นการฟื้นตัว 60% จากในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2562 

ไตรมาส 2-3/66 นักท่องเที่ยวจีนพุ่ง

สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2566 สะสมอยู่ที่ 1.0 ล้านราย ยังฟื้นตัวค่อนข้างช้า เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ย 8.0 แสน - 1.0 ล้านราย/เดือน และคาดว่าในช่วงไตรมาส 2-3/2566 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเขาประเทศสูงขึ้นจากไตรมาส 1/2566 เนื่องจากช่วงไตรมาส 1 จะมีสัดส่วนนักท่องเที่ยวจากกลุ่ม Long Haul สูง แต่ในช่วงไตรมาส 2-3 จะมีสัดส่วนจากนักท่องเที่ยวกลุ่ม Short Haul และนักท่องเที่ยวจากเอเชียเพิ่มมากขึ้น 

โดยในช่วงครึ่งหลังปี 2566 คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศเฉลี่ยสูงกว่า 2.5 แสนราย/เดือน สูงกว่าในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2566 ที่ผ่านมา

ส่วนทั้งปี 2566 ททท. คาดมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศ 25-30 ล้านราย จากที่เคยคาดการณ์ 22 ล้านราย ก่อนที่จีนจะประกาศเปิดประเทศเมื่อเดือน ม.ค. 2566 และคาดว่าจะมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 1.5 ล้านล้านบาท นับเป็นการฟื้นตัวที่ 79% จากปี 2562 ที่มีรายได้ 1.9 ล้านล้านบาท คิดเป็นรายได้ต่อหัวเฉลี่ยที่ราว 50,000 บาท จากในปี 2562 มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวที่ 47,778 บาท 

Low Season ในประเทศ กดดันผลงาน Q2 

อย่างไรก็ตาม กลุ่มท่องเที่ยวเข้าสู่ Low Season ในประเทศ ส่งผลให้คาดว่าในช่วงไตรมาส 2/2566 จะมีผลประกอบการอ่อนตัวลง QoQ (ยกเว้น MINT) แต่ยังคงสามารถฟื้นตัวได้ YoY โดย ADR ของแต่ละ Hotel Operator มีการปรับตัวสูงขึ้น YoY และสูงกว่าช่วง Pre-COVID 

ทั้งนี้ กลุ่มโรงแรม ยังมีปัจจัยกดดัน ได้แก่ ความกังวลต่อการเกิด Recession และอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ส่งผลให้มีต้นทุนในการบริการที่สูงขึ้น และความกังวลต่อการปรับเพิ่มของค่าแรงขั้นต่ำ ที่จะส่งผลต่อความสามารถในการควบคุมต้นทุน

โดย บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW มีสัดส่วนรายได้จากโรงแรมในประเทศราว 90% และการเข้าสู่ Low Season ของการท่องเที่ยวในประเทศ ส่งผลให้คาดว่าจะมีผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 อ่อนตัวลง QoQ แต่คาดสามารถพลิกจากขาดทุนใน 2/2565 ได้ เนื่องจากมี ADR ที่สูงขึ้น YoY และอัตราเข้าพักที่คาดว่าจะอยู่ที่ราว 60-70%

บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT มีสัดส่วนรายได้จากโรงแรมในประเทศอยู่ที่ 60% ของรายได้ และ Maldives ที่ 21% ของรายได้ ส่งผลให้ในไตรมาส 2/2566 คาดว่ามีผลประกอบการอ่อนตัวลง QoQ เนื่องจากเป็น Low Season ของทั้ง 2 แห่ง

บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR เข้าสู่ High Season ของ UK ในช่วงปลายไตรมาส 2 แต่ไทย และ Maldives เป็นช่วง Low Season แต่คาดว่าจะยังคงสามารถฟื้นตัวได้โดดเด่น YoY จากโรงแรมในประเทศที่มีการปรับเพิ่ม ADR และอัตราการเข้าพักที่สูงกว่าในไตรมาส 2/2565

2 หุ้นแกร่ง แม้ Q2 เข้าสู่โลว์ซีซั่น 

ดังนั้น เลือก บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT (ราคาเป้าหมาย 40.50 บาท) และ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL (Consensus ที่ 60 บาท) เป็น Top Pick เนื่องจาก MINT เข้าสู่ช่วง High Season ในไตรมาส 2 สำหรับกลุ่ม NH Hotel ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ราว 70% ขอรายได้กลุ่มโรงแรม ส่งผลให้ MINT จะ Outperform กลุ่มโรงแรมในประเทศไทยที่เข้าสู่ช่วง Low Season ของการท่องเที่ยว

ขณะที่ CENTEL มีรายได้กลุ่มโรงแรมในประเทศที่ 79% และ Maldives 21% ส่งผลให้คาดว่าในช่วงไตรมาส 2/2566 จะมีผลประกอบการปรับตัวลดลง QoQ แต่ฟื้นตัวต่อเนื่องเมื่อเทียบ YoY และคาดว่ารายได้จากกลุ่มอาหารจะเติบโตได้ต่อเนื่อง