posttoday

จะเกิดอะไรขึ้น!! ถ้า"เพื่อไทย"คุมเศรษฐกิจ? ช่วย รึ ฉุด หุ้นไทย

18 พฤษภาคม 2566

พรรคก้าวไกลแถลงจัดตั้งรัฐบาล โดยรวมเสียง 8 พรรคการเมืองได้ 313 เสียง ซึ่งทุกพรรคเห็นชอบสนับสนุนหัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกฯ พร้อมจัดทำข้อตกลงในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน(MOU) แถลงรายละเอียดชัดเจน วันที่ 22 พ.ค.66 นี้

"กรภัทร วรเชษฐ์" ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามที่มีกระแสข่าวการฟอร์มทีมรัฐบาล โดยคาดว่าพรรคก้าวไกลจะคุมกระทรวงความมั่นคง,นายกรัฐมนตรี, กระทรวงกลาโหม ส่วนพรรคเพื่อไทย คุมกระทรวงการคลัง, พลังงาน, คมนาคมนั้น หากเป็นไปตามข่าวจริง เชื่อว่าจะส่งผลต่อตลาดหุ้นในทางที่ดี โดยเฉพาะหากพรรคเพื่อไทยคุมกระทรวงเศรษฐกิจ เนื่องจากทีมเพื่อไทยมีประสบการณ์ในการคุมเศรษฐกิจมาก่อน แต่ไม่ใช่ว่าในฝั่งของก้าวไกลไม่มีแคนดิเดตที่ดี เพียงแต่การมีประสบการณ์มาก่อนอาจทำให้ตลาดมีความเชื่อมั่นมากกว่า

นอกจากนี้ นโยบายของทั้งสองพรรคไม่ได้ไปในทางเดียวกัน 100% อาทิ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นช่วยประชาชนอาจจะดำเนินการได้ แต่ในส่วนของนโยบายที่จะกระทบกลุ่มทุนขนาดใหญ่อาจจะยังไม่เกิดขึ้น ดังนั้นปัจจัยพื้นฐานตัวหุ้นบิ๊กแคปส์ที่อิงกลุ่มทุนขนาดใหญ่ อาทิ GULF, CPALL, GPSC, BGRIM จึงไม่ได้กระทบในเร็วๆนี้ 

ก้าวไกล-เพื่อไทยฟื้นเชื่อมั่น

"ตอนนี้ตลาดหุ้นจะฟื้นตัวในระยะสั้นเพราะยังกังวลโอกาสของก้าวไกลที่จะนำจัดตั้งรัฐบาลว่าจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าไปสุดทางแล้วก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ตลาดหุ้นจะพักลงมาอีกรอบเพื่อรอดูว่าพรรคลำดับที่ 1 หรือใครที่จะขึ้นมาแทนที่และจะรวมเสียงได้มีประสิทธิภาพหรือไม่ แต่ถ้าพรรคก้าวไกลรวมเสียงได้ระดับหนึ่งแล้วสุดท้ายได้โหวตผ่านจะส่งผลให้ตลาดหุ้นมีเสถียรภาพในทันที ดังนั้นที่หลายคนกังวลว่าจะเกิดสุญญากาศทางการเมืองถ้าก้าวไกลไม่ได้เป็นรัฐบาลอาจไม่เกิดขึ้น และเชื่อว่าน่าจะได้รัฐบาลตามกรอบเวลา เพียงแต่จะเป็นขั้วไหนเท่านั้น ซึ่งเราคงไม่ฟันธงแต่สิ่งที่เราประเมินก็คือไม่ว่าจะเป็นพรรคก้าวไกล หรือ พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลน่าจะมีเสถียรภาพพอสมควร"นายกรภัทร กล่าว

อย่าไรก็ดี นโยบายการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำของทุกพรรคการเมือง อิงระดับ 450 บาท ตามนโยบายพรรคก้าวไกล ฝ่ายวิจัยประเมินว่ามีโอกาสนำมาสู่ความเสี่ยงเงินเฟ้อไทยที่อาจจะมี Upside Risk ราว 0.9% เชื่อจะมีโอกาส BOT ต้องปรับเพิ่มดอกเบี้ยสูงกว่า Consensus คาดไว้หนุนหุ้นกลุ่มธนาคาร เน้น BBL, KBANK, SCB และประกัน เน้น TLI 

28 หุ้นรุ่ง-3 กลุ่มร่วงรับนโยบายฯ

นักวิเคราะห์ บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) กล่าวเช่นกันว่า จากการสำรวจนโยบายพรรคก้าวไกลและเพื่อไทยที่เหมือนกัน ดังนี้คือ 1.ค่าแรง 450 บาท และ 600 บาท 2.ลดค่าครองชีพ เช่น ค่าไฟ ค่าก๊าซ ค่ารถไฟฟ้า 3.อุตสาหกรรมชิปและเทคโนโลยี ขยายเขตเศรษฐกิจพิเศษ 4.สนับสนุน SMEs 5.สนับสนุนภาคการเกษตรสมัยใหม่ 6.สนับสนุน Solar rooftop และเปลี่ยนรถโดยสารเป็น EV Bus 7.ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร 8.ดูแลด้านการแพทย์อย่างครอบคลุม เป็นต้น

โดยหุ้นที่ได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากนโยบายดังกล่าว ดังนี้คือ 1.หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ตามการเติบโตของเศรษฐกิจและการขยายตัวของสินเชื่อ BBL, KBANK, SCB 
2.สินค้าอุปโภคบริโภคและเครื่องดื่ม HTC, ICHI, BJC, MAKRO, SFREX, KTC, AEONTS
3.นิคมอุตสาหกรรม จากการสนับสนุนไทยเป็นฐานการผลิตดีต่อ AMATA, WHA, ROJNA
4.กลุ่มโซล่าร์รูฟ GUNKUL , SSP
5.กลุ่มสินค้าเกษตร เน้นผู้ประกอบการขนาดเล็ก
6.อสังหาริมทรัพย์ เน้นราคาบ้านที่ไม่สูงระดับกลางล่าง SPALI, PSH, LALIN, AP ได้รับอานิสงส์บวกจากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ การกระจายรายได้จากบนสู่ล่างและกระจายสู่หัวเมืองต่างๆ บวกนโยบายช่วยผ่อนหนุน (แต่บ้านระดับบน LH, QH, SC, SIRI อาจจะไม่ได้รับอานิสงส์มากนัก)
7.กลุ่มค้าปลีก แม้ค่าแรงจะปรับเพิ่มขึ้นแต่ด้วยนโยบายเน้นกระจายไปต่างจังหวัดมากขึ้น ดีต่อ DOHOME, MAKRO, CPALL เป็นองค์รวมของร้านสะดวกซื้อบวกค้าส่งถือว่าไม่ได้กระทบมาก , BJC
8.กลุ่มสื่อสาร ค่ามือถือไม่แพง การจะโปรโมทให้ทุนใหม่เข้ามาลงทุนก็ไม่คุ้ม ถือว่าไม่ได้รับผลกระทบต่อนโยบาย ดังนั้นถ้าราคาหุ้นปรับตัวลดลง ADVANC แนะนำซื้อ

ขณะที่ หุ้นที่ได้รับผลกระทบเชิงลบ คือ 1.กลุ่มพลังงาน เพราะเป็นยโบายหลักที่จะมีการจัดการลำดับแรก โดยเฉพาะถ้ามีการปรับสูตรค่าแก๊สจะกระทบพลังงานกลางน้ำ PTT, PTTGC, TOP, IRPC แต่พลังงานต้นน้ำ PTTEP และพลังงานปลายน้ำ OR ไม่ได้รับผลกระทบ
2.รับเหมาก่อสร้าง และถ้าเก็บภาษีเพิ่มขึ้นจะเป็นลบกับภาพรวมตลาดแต่คาดว่าจะไม่เกิดขึ้นเร็วเพราะเศรษฐกิจยังอยู่ในสุญญากาศ
3.ไฟแนนซ์ ถ้ามีการกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าจะช่วยให้ความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยดีขึ้น การชำระหนี้ได้ดีขึ้น แต่ด้วยนโยบายการลดต้นทุนทางการเงินของคนที่เข้าไม่ถึงระบบการเงินธนาคารก็อาจจะเข้าถึงได้ง่ายขึ้นอาจจะมีการลดภาระดอกเบี้ยขั้นต่ำลงก็อาจจะกระทบหุ้นไฟแนนซ์ได้ แต่เป็นบวกกับพวกบัตรเครดิต AEONTS,KTC