posttoday

GULF เซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการ Pak Lay 770 เมกะวัตต์

20 มีนาคม 2566

GULF เซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Pak Lay ขนาด 770 เมกะวัตต์ กับ กฟผ.ระยะเวลา 29 ปี เริ่ม COD ม.ค.75

นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า เมื่อวันที่ 24 ม.ค.2565 ที่ผ่านมา จากการที่บริษัท และ Sinohydro (Hong Kong) Holding Ltd. (SHK) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของPower Construction Corporation of China Ltd. (POWERCHINA) ซึ่งมีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน 

โดยได้ร่วมกันลงนามบันทึกความเข้าใจการรับซื้อไฟฟ้า (Tariff MOU) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำPak Lay โดยโครงการPak Lay  มีขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 770 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่บนแม่น้ำโขง เมืองปากลาย แขวงไซยะบุรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)และจะขายไฟฟ้าทั้งหมดที่ผลิตได้ให้แก่ กฟผ. ในอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ย 2.6989 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง นั้น

ล่าสุด บริษัทขอแจ้งให้ทราบว่า เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2566 Pak Lay Power Company Limited ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่บริษัท และ SHK จัดตั้งขึ้น เพื่อดำเนินโครงการฯ ดังกล่าว โดยบริษัท ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 40 และ SHK ถือหุ้นร้อยละ 60 ได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า(Power Purchase Agreement) กับ กฟผ. โดยสัญญาซื้อขายไฟฟ้ามีระยะเวลา 29 ปีนับจากวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ ซึ่งโครงการฯ มีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD)ในวันที่ 1 ม.ค.2575

สำหรับโครงการ Pak Lay เป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบน้ำไหลผ่านตลอดปี (Run-of-the-River) ที่ไม่มีการกักเก็บน้ำในรูปแบบของเขื่อน ประเภทอ่างเก็บน้ำ (Reservoir)และไม่มีการเบี่ยงน้ำออกจากแม่น้ำโขง แต่ใช้การไหลของน้ำตามธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้า โดยที่ปริมาณน้ำไหลเข้าเท่ากับปริมาณน้ำไหลออก

ดังนั้น จึงไม่ส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำในแม่น้ำโขง การเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำPak Lay ถือเป็นจุดเริ่มต้นของบริษัท ในการเข้าสู่ตลาดพลังน้ำใน สปป.ลาว และสอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัท ในการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์(Net Zero Emissions)