หลุดวงโคจร FDI! ยุทธศักดิ์ชี้ประเทศไทยไม่ใช่ VIP นักลงทุนอีกต่อไป ต้องเร่งสร้างเครื่องยนต์ใหม่สู่อนาคต
จากยุคทองที่ทุกคนอยากลงทุนในไทย สู่ยุคที่ถูก 'เวียดนาม-อินโดนีเซีย' แซงหน้า! "ยุทธศักดิ์ สุภสร" เปิดแผน ROCK Strategy ปรับบทบาท กนอ. จาก "ผู้ควบคุม" เป็น "ผู้ช่วยเหลือ" พร้อมประกาศจุดยืน "เทาไม่ทำ กรรมไม่เทา" เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุนและดันไทยกลับสู่เส้นทางการเติบโตอีกครั้ง
KEY
POINTS
- จากยุคทองที่ทุกคนอยากลงทุนในไทย สู่ยุคที่ถูก 'เวียดนาม-อินโดนีเซีย' แซงหน้า!
- "ยุทธศักดิ์ สุภสร" เปิดแผน ROCK Strategy ปรับบทบาท กนอ. จาก "ผู้ควบคุม" เป็น "ผู้ช่วยเหลือ"
- พร้อมประกาศจุดยืน "เทาไม่ทำ กรรมไม่เทา" เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุนและดันไทยกลับสู่เส้นทางการเติบโตอีกครั้ง
ในวันที่เวทีโลกกำลังเปลี่ยนทิศทางของเงินทุนครั้งใหญ่… ประเทศไทยกลับต้องหันกลับมาทบทวน "เครื่องยนต์เศรษฐกิจ" ที่เคยทรงพลังอีกครั้ง
เสียงของ "ยุทธศักดิ์ สุภสร" ประธานกรรมการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ดังขึ้นกลางงานสัมมนาคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง วุฒิสภา ด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่แฝงความห่วงใย เขาเอ่ยประโยคที่ชวนคิด
"ไม่คิดเลยว่าจะต้องกลับมาพูดเรื่องการลงทุนจากต่างประเทศ(FDI)อีกครั้ง..หลังผ่านไปกว่า 30 ปี"
คำพูดนั้นไม่ใช่แค่การรำลึกถึงอดีต หากแต่เป็น สัญญาณเตือนถึงอนาคตของประเทศ
จากวันที่ไทยเคยเป็น "ดาวเด่น" ในสายตานักลงทุนทั่วโลก กลายเป็นวันที่ "เวียดนาม" และ "อินโดนีเซีย" แซงหน้าไปไกล การไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติหดตัวลงเรื่อยๆ และที่น่ากังวลที่สุด นักลงทุนไม่ได้มองไทยเป็นประเทศ VIP อีกต่อไป
ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ?
แม้ว่าภูมิภาคอาเซียนโดยรวมยังคงมีความน่าสนใจสำหรับการลงทุน โดยเฉพาะโครงการใหม่ Greenfield ที่เพิ่มขึ้น แต่ตัวเลขการลงทุนในระดับประเทศกลับสะท้อนถึงความท้าทายที่น่ากังวลสำหรับประเทศไทย
- FDI ถดถอย: ตัวเลขการไหลเข้าของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมายังประเทศไทยอยู่ในอัตราที่ถดถอยลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557 (ค.ศ. 2014)
- ถูกแซงหน้า: ใน 10 อันดับแรกของประเทศที่เป็นแหล่งรองรับการลงทุนสูงสุดจากต่างประเทศนั้น ไม่มีประเทศไทย แต่กลับมีคู่แข่งในอาเซียน อย่าง อินโดนีเซียและเวียดนาม ติดอันดับ
- ตัวเลขเฉลี่ยต่อปี: ค่าเฉลี่ยการไหลเข้าของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศต่อปีของไทยอยู่ที่ 6,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งตามหลังอินโดนีเซีย ที่ 22,000 ล้านเหรียญฯ และเวียดนาม ที่ 17,000 ล้านเหรียญฯอย่างมาก
- สถานะที่เปลี่ยนไป: คุณยุทธศักดิ์สรุปอย่างตรงไปตรงมาว่า นักลงทุนที่มองภูมิภาคนี้ ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศ VIP สำหรับการลงทุนอีกต่อไป ซึ่งแตกต่างจาก "ช่วงทอง" ในปี 1996 ที่ทุกคนอยากเข้ามาลงทุนในไทย การที่ FDI ไม่เข้ามาเป็นสาเหตุที่ทำให้ประเทศไม่สามารถเติบโตได้เต็มศักยภาพ
วิสัยทัศน์และการปรับตัว : ROCK Strategy
คุณยุทธศักดิ์เน้นย้ำว่า ไทยไม่สามารถปล่อยให้เกิดสถานการณ์ที่ "เครื่องยนต์" ที่เคยขับเคลื่อนประเทศหยุดชะงักได้ แต่เราต้องปรับตัวเพื่อสร้างเครื่องยนต์ตัวใหม่ และต้องเน้นการ "เร่งรัดการลงทุน"
ในฐานะประธานบอร์ดการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ท่านได้เสนอแนวทางการปรับบทบาท โดยเชื่อมั่นในเศรษฐกิจพื้นที่ และยืนยันว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ นักลงทุนต้องการพื้นที่ที่มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน
ท่านได้ประกาศจุดยืนใหม่ของ กนอ. ว่าจะต้องเปลี่ยนจากบทบาทผู้ควบคุม (Regulator) ไปสู่บทบาทผู้ช่วยเหลือ (Facilitator) มากขึ้น พร้อมกับสโลแกนที่น่าจดจำ "I WILL ROCK YOU"
หลักการ "ROCK" คือ
- R - Renewable: การมุ่งเน้นพลังงานสะอาด, Green Innovation และทำให้พื้นที่อุตสาหกรรมเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสอดคล้องเทรนด์โลก
- O - Opportunity: การเปิดกว้างโอกาสจากการร่วมมือเพื่อดึงดูดการลงทุนและเพิ่มผลกำไรให้บริษัท
- C - Competitiveness: การเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน
- K - Keepers: การเป็นผู้ดูแล ความรับผิดชอบที่กระตืรือร้นในการปกป้องและส่งเสริมการปฏิบัติที่นั่งยืนทั้งทางสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ , ความมุ่งมั่น ESG ที่แข็งแกร่ง
อย่างไรก็ดี กนอ. ไม่ได้ขายที่ดิน แต่ขายความใส่ใจที่จะดูแลนักลงทุนและผู้ประกอบการ
กฎกติกาที่สำคัญที่สุด: "เทาไม่ทำ กรรมไม่เทา"
นอกเหนือจากการปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานและการเพิ่มความยั่งยืนแล้ว ควรโฟกัส DIY มาจากคำว่า Diversify , Invest more และ Yield on Sustainability
คุณยุทธศักดิ์เน้นย้ำว่า ประเทศไทยมีศักยภาพ แต่ต้องลงมือปฏิบัติให้เร็ว และต้องใช้จุดแข็งของประเทศที่เป็นภาพลักษณ์ระดับพรีเมียมมากกว่าการขายของราคาถูก
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่นักลงทุนต้องการ คือ ธรรมาภิบาล (Good Governance) และความโปร่งใส (Transparency)
ท่านได้ฝากหลักคิดเกี่ยวกับการสร้างนิติธรรมที่สอดคล้องกับการกำจัดคอร์รัปชันว่า "เทาไม่ทำ กรรมไม่เทา"
- เทาไม่ทำ: หมายถึงสิ่งที่ไม่ควรทำ ก็ไม่ต้องทำ
- กรรมไม่เทา: หมายถึงการกระทำ (กรรมมะ) ที่เป็นสีเทา ก็ไม่จำเป็นต้องทำ
นี่คือสิ่งที่จะช่วยสร้างความโปร่งใสและธรรมาภิบาล เพื่อดึงดูดการลงทุนและสร้างอนาคตที่เติบโตต่อเนื่องไปอีก 15-20 ปีข้างหน้า.


