เปิดอกนายกสมาคมทองคำ ไขปมดราม่า "บาทแข็ง-ฟอกเงิน-ธุรกิจสีเทา"
ความจริง! นายกสมาคมค้าทองคำ เคลียร์ทุกดราม่า ยืนยัน "ทองคำ" ไม่ใช่ตัวการทำบาทแข็ง การซื้อขายโปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
KEY
POINTS
- ความจริง! นายกสมาคมค้าทองคำ เคลียร์ทุกดราม่า
- ยืนยัน "ทองคำ" ไม่ใช่ตัวการทำบาทแข็ง
- การซื้อขายโปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึง "ค่าเงินบาท" ที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแข็งค่าที่สุดในรอบ 4 ปี แม้ล่าสุดในวันนี้ค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ 31.72 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 31.60 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่ยังอยู่ในทิศทางแข็งค่า
แน่นอนว่า "ทองคำ" ตกเป็นจำเลยสำคัญของสังคม แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรก! ในอดีตหลายสิบปี "ทองคำ" เคยยืนอยู่กลางดงดราม่าด้วยเหตุค่าเงินบาทแข็งค่าเหมือนเช่นวันนี้ ทุกอย่างกลับมาวนลูปอีกครั้ง!
สมาคมค้าทองคำ ชี้แจงอย่างละเอียดกับ "โพสต์ทูเดย์" เพื่อเคลียร์ทุกประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยัน "การส่งออกทองคำไม่ใช่สาเหตุหลักของปัญหาค่าเงินบาท และความโปร่งใสของธุรกิจที่สามารถตรวจสอบได้ในทุกมิติ"
"ทองคำ" ต้นเหตุทำบาทแข็ง จริงหรือ ?
นายกสมาคมค้าทองคำ "จิตติ ตั้งสิทธิภักดี" ปฏิเสธอย่างชัดเจนว่า ความเชื่อที่ว่าการส่งออกทองคำจำนวนมากทำให้เงินบาทแข็งค่านั้นเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
แท้จริงแล้ว ปัจจัยหลักที่ทำให้ค่าเงินสกุลต่างๆทั่วโลกแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ มาจากการที่สหรัฐฯพิมพ์เงินออกมาจำนวนมากเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงและขาดความน่าเชื่อถือ
ส่งผลให้ธนาคารกลางของหลายประเทศ รวมถึงพันธมิตรของสหรัฐฯเองหันมาลดการถือครองดอลลาร์และเพิ่มสัดส่วนการสำรองทองคำแทน ปรากฏการณ์นี้ทำให้ค่าเงินสกุลอื่นแข็งค่าขึ้นถ้วนหน้า ไม่ใช่แค่เงินบาทของไทยเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อพิจารณาข้อมูลการนำเข้า-ส่งออกทองคำของไทยตลอดทั้งปี จะพบความจริงที่สวนทางกับความเชื่อดังกล่าวโดยสิ้นเชิง ข้อมูลระบุว่า ประเทศไทยนำเข้าทองคำถึงกว่า 180 ตัน แต่ส่งออกไปเพียง 70 กว่าตันเท่านั้น ทำให้ไทยมียอด "นำเข้าสุทธิ" มากกว่า "ส่งออก" ถึงกว่า 100 ตัน
การนำเข้าหมายถึงการที่เราต้องใช้เงินบาทแลกเป็นดอลลาร์เพื่อไปซื้อทองคำจากต่างประเทศ ซึ่งในทางทฤษฎีแล้วควรจะทำให้เงินบาท "อ่อนค่า" ลง ไม่ใช่ "แข็งค่า" ขึ้น!
ประเด็นการส่งออกไปประเทศกัมพูชาที่ถูกจับตามองนั้น ความจริงเป็นเรื่องของการค้าที่ดำเนินมานานกว่า 10 ปีแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น เหตุผลที่กัมพูชาเป็นหนึ่งในปลายทางสำคัญเพราะมีที่ตั้งใกล้กับไทย ทำให้ค่าใช้จ่ายในการขนส่งถูกกว่าการส่งไปยังศูนย์กลางอื่น เช่น สวิตเซอร์แลนด์ เป็นต้น
ดราม่า..ทองคำ มีเอี่ยวธุรกิจสีเทา-ฟอกเงิน ?
ประเด็นนี้ทางสมาคมฯ ยืนยันว่า "เป็นไปไม่ได้" เนื่องจากผู้ประกอบการภายใต้สมาคมฯ ซึ่งมีสมาชิกรวมกันกว่า 2,000 รายทั่วประเทศ ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมายและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทางสมาคมฯ มีการประสานงานกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อย่างใกล้ชิด
พร้อมปฏิบัติตามทุกอย่าง โดยเฉพาะไม่ซื้อขายกับรายชื่อบุคคลต้องห้าม (Blacklist) จาก ปปง. โดยเด็ดขาด ด้วยกฎหมาย ปปง. ที่รุนแรง หากเกิดการทำธุรกรรมที่ผิดพลาด แม้จะได้กำไรเพียงเล็กน้อย แต่เสี่ยงต่อการถูกยึดทรัพย์สินทั้งหมด ซึ่งไม่มีผู้ประกอบการรายใดยอมเสี่ยงอย่างแน่นอน!
ดราม่า..เก็บภาษีทอง!
แนวคิดที่จะมีการเก็บภาษีการซื้อขายทองคำออนไลน์ หรือการส่งออกทองคำนั้น หากภาครัฐพิจารณาว่าดีในทุกมิติแล้ว ทางสมาคมฯพร้อมน้อมรับและปฏิบัติตาม เพียงแต่การเก็บภาษีอาจไม่ใช่ทางแก้ปัญหาค่าเงินบาทแข็งได้
ขณะเดียวกันการเก็บภาษีอาจจะมีผลต่อการเป็นผู้นำด้านค้าทองคำของประเทศไทยในภูมิภาค สิ่งที่สมาคมฯทำมานานกว่า 30 ปีอาจจะสูญเปล่า ที่ผ่านมาในการจัดงาน Thailand Gold Forum 2025 โดยมี ประเทศลาว, สิงคโปร์, ดูไบ, อินเดีย ฯลฯ มาดูโมเดลของไทยต่างชื่นชม สิ่งเหล่านี้อาจจะต้องนำไปพิจารณาเช่นกัน
ที่สำคัญหากภาครัฐตัดสินใจเก็บภาษีทองคำนั้นอาจส่งผลให้ต้นทุนของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน
"ภาครัฐมีข้อมูลในมือทุกอย่าง ผมเชื่อว่าจะหาทางออกของปัญหาได้ และยืนยันอีกครั้งว่า สมาคมฯพร้อมปฏิบัติตามนโยบายรัฐ"
ยืนยันความโปร่งใสและความร่วมมือภาครัฐ
สมาคมฯ ย้ำว่าทุกธุรกรรมที่เกิดขึ้นนั้นโปร่งใสและมีที่มาที่ไป การนำเข้า-ส่งออกทุกครั้งต้องผ่านพิธีการของกรมศุลกากรอย่างถูกต้อง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ทั้งหมด การที่กรมศุลกากรสามารถเปิดเผยตัวเลขการส่งออกได้ก็เป็นเครื่องยืนยันความถูกต้องของกระบวนการแล้ว
ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เชิญผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ทำธุรกิจนำเข้า-ส่งออกทองคำจำนวน 14 ราย เข้าไปหารือและขอข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งทุกบริษัทต่างให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการส่งรายงานตามที่ร้องขอ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าสมาคมฯ และสมาชิกยินดีให้ความร่วมมือกับภาครัฐอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความชัดเจนและความเข้าใจที่ถูกต้อง
"สมาคมค้าทองคำขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า ทองคำไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้เงินบาทแข็งค่า ในทางกลับกัน การที่คนไทยเข้าถึงการออมทองได้ง่ายขึ้นยังเป็นการสร้างความมั่งคั่งให้กับประชาชน เห็นได้จากราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 30% ในปีนี้ ซึ่งผู้ที่ถือครองทองคำต่างได้รับประโยชน์ถ้วนหน้า"
ฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สมาคมฯ เสนอให้ภาครัฐศึกษาข้อมูลที่มีอยู่ให้รอบด้าน ทั้งจากกรมศุลกากร กระทรวงพาณิชย์ และธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งมีตัวเลขและสถิติที่ชัดเจนอยู่แล้ว
ทั้งนี้ สมาคมฯพร้อมปฏิบัติตามนโยบายของภาครัฐและยืนหยัดเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติต่อไป โดยภาคภูมิใจที่ประเทศไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการค้าทองคำชั้นนำของเอเชียที่ต่างชาติเข้ามาศึกษาดูงานอยู่เสมอ.


