posttoday

"ดร.เผ่าภูมิ" ชี้ GDP ไทยมีลุ้นขยับขึ้น – มาตรการกระตุ้นรอบใหญ่เดินหน้า เสถียรภาพการคลังมั่นคง

27 สิงหาคม 2568

รัฐเดินเกมกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท ดันจีดีพีปี 68–69 มีแนวโน้มโตเกินคาด RCEP กลับเป็นบวกต่อการส่งออกไทย เพิ่มความได้เปรียบด้านราคา–การแข่งขัน "ดร.เผ่าภูมิ" ย้ำหนี้สาธารณะไม่น่าห่วง พื้นที่การคลังยังเหลือ ดึง FDI ทำสถิติสูงสุด พร้อมดันไทยสู่ศูนย์กลางทางการเงิน

KEY

POINTS

  • รัฐเดินเกมกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท ดันจีดีพีปี 68–69 มีแนวโน้มโตเกินคาด
  • RCEP กลับเป็นบวกต่อการส่งออกไทย เพิ่มความได้เปรียบด้านราคา–การแข่งขัน
  • "ดร.เผ่าภูมิ" ย้ำหนี้สาธารณะไม่น่าห่วง พื้นที่การคลังยังเหลือ ดึง FDI ทำสถิติสูงสุด

ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงาน Thailand Focus 2025: Beyond the Challenges ว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลังคาดการณ์ GDP ที่ 2.2% แต่หลายสำนักเริ่มปรับประมาณการขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยแนวโน้มที่จะเห็นการปรับประมาณการ GDP เพิ่มขึ้นอีกในการคาดการณ์ครั้งหน้า โดยตัวเลขที่ออกมาอยู่ในเกณฑ์ดี ทั้งนี้ GDP ครึ่งปีแรกโตเฉลี่ย 3% แต่ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะต่ำกว่า 3% เล็กน้อย

การส่งออกและผลกระทบจาก RCEP ?

การคาดการณ์เกี่ยวกับข้อตกลง RCEP (Regional Comprehensive Economic Partnership) ในช่วงแรกที่บางสำนักมองว่าจะเป็นลบ กลับกลายเป็นบวกต่อประเทศไทย ทั้งนี้ประเทศไทยมีความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออกที่ไม่แพ้ประเทศคู่แข่งและดีกว่าเล็กน้อย

นอกจากนี้ไทยมีความได้เปรียบด้าน Regional Value Content (RVC) หรือสัดส่วนการผลิตในประเทศที่สูง ทำให้มีโอกาสได้รับประโยชน์จากภาษีที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ซึ่งช่วยให้ผู้ส่งออกไทยมีความได้เปรียบด้านราคา

ถามว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากนี้มีเพิ่มเติมอีกหรือไม่ อย่างไร ?

รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการกระตุ้นการคลังขนาดใหญ่ไปแล้ว 157,000 ล้านบาท โดยใช้ไปแล้วประมาณ 130,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างมากในช่วงไตรมาส 4/68 และไตรมาส 1/69 ยังคงมีการเร่งรัดการใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง

"มาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม รัฐบาลจะรอดูสถานการณ์ แต่มาตรการที่มีอยู่ปัจจุบันถือว่ามีขนาดใหญ่มาก"

สำหรับเสถียรภาพทางการคลัง ตนมองว่าไม่น่าเป็นห่วง ตัวเลขหนี้สาธารณะต่อ GDP ล่าสุดอยู่ที่ 64% ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบหลายเดือน แสดงว่าหนี้โตช้ากว่า GDP ถือเป็นแนวโน้มที่ดี และยังมีพื้นที่ทางการคลังเหลืออยู่

ขณะที่ภาระดอกเบี้ยต่อรายได้ปัจจุบันอยู่ที่ 9% ต่ำกว่าเกณฑ์ปลอดภัยที่ 10% อาจมีการเพิ่มขึ้นในอนาคต แต่จะยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถดำรงอยู่ได้หากเศรษฐกิจมีการขยายตัวที่ดีและมีการจัดเก็บรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เครดิตเรทติ้งไม่ได้พิจารณาจากอัตราส่วนตัวใดตัวหนึ่ง แต่พิจารณาจากหลายมิติ เช่น ความสามารถในการชำระหนี้ ศักยภาพการเดินหน้าของประเทศ โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน พื้นที่ทางการคลังและนโยบายการเงิน นโยบายหลักของรัฐบาล และการกระตุ้นเศรษฐกิจ หากประเทศมีศักยภาพสูง โอกาสที่เรทติ้งจะถูกปรับลดลงเพียงเพราะอัตราส่วนตัวเลขสูงขึ้นถือว่ามีน้อย

ขณะที่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มองว่าตัวเลขในประเทศไทยดีมาก โดยเฉพาะการขอรับส่งเสริมการลงทุนจาก BOI อยู่ในระดับที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยรัฐบาลมีหน้าที่สนับสนุนการดึงดูดการลงทุนใหม่ๆ โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและไม่ใช่ภาษีที่น่าดึงดูดยิ่งขึ้น หนึ่งในหมุดหมายสำคัญคือ "ร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางทางการเงิน (Financial Hub)" หรือศูนย์กลางทางการเงิน ซึ่งกำลังจะเข้าสู่การประชุมสภาวาระหนึ่งในอีกไม่เกิน 2 สัปดาห์ข้างหน้า

ส่วนนโยบายการเงินนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจ และยังมีพื้นที่สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้อีก แต่เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในการพิจารณาความเหมาะสม

"โดยรวมแล้ว มุมมองทางเศรษฐกิจยังคงเป็นบวก มีความมั่นใจในนโยบายและการบริหารจัดการทั้งด้านการคลังและการเงิน รวมถึงศักยภาพในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ"

ข่าวล่าสุด

โปรแกรมซีเกมส์ 2025 วันนี้ 15 ธ.ค. 68 ลิ้งก์ดูสด ถ่ายทอดสดช่องไหน