เงินดิจิทัลมาแน่! ไทยเร่งปรับตัว ก่อนพลาดชิงเงิน 2 ล้านล้านดอลล์

เงินดิจิทัลคือจุดเปลี่ยนเศรษฐกิจโลก ไทยต้องปรับตัวให้ทัน ก่อนจะเสียโอกาสครั้งใหญ่ในอาเซียน!

นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวกับ "โพสต์ทูเดย์" ถึงมุมมองต่อนโยบายการเงินดิจิตอลของรัฐบาลว่า ในฝั่งของเทคโนโลยี โลกยังคงเดินหน้าด้านเงินดิจิทัลอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น สเตเบิ้ลคอยล์(Stablecoin), ดิจิทัลเคอร์เรนซี่, ดิจิทัลวอลเล็ต(Digital Wallet) ฯลฯ อนาคตจะมี digital wallet ของประเทศ infrastructure digital technology ควรจะมาทางด้านนี้ถูกต้องแล้ว 

ข้อดี คือ ทําให้ Velocity Money ไปหมด เร็วขึ้น MV เท่ากับ PY คือ สูตรทางเศรษฐศาสตร์ การที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ สิ่งแรกคือเพิ่ม M คือ Money Supply หรือเพิ่มอันที่สองคือเพิ่ม V คือ Velocity พอเป็นเงินดิจิทัลทำให้เงินหมุนเร็วขึ้น ช่วยให้เศรษฐกิจโตเร็วขึ้นหลายเท่าตัว ที่สำคัญ Agressy จะมากขึ้น ช่วยลดการโกงกิน การจ่ายใต้โต๊ะ การหนีภาษี จะไม่เกิดขึ้นในวันที่เงินเป็นดิจิทัลแล้ว 

ในเรื่องของโลกร้อนก็เช่นกัน เพราะการที่ตัดต้นไม้ทําลายป่ามาทําเป็นเงินกระดาษทุกปีทำให้ไม่ยั่งยืนและอยู่ไม่ได้ ดังนั้นในอนาคตเงินไม่ใช่กระดาษแน่นอน ถือว่าสอดคล้องกับทิศทางของโลก

แต่.. สิ่งที่ควรระวัง คือ ในฝั่งของเศรษฐศาสตร์ มากกว่าฝั่งเทคโนโลยี เพราะจะทําอย่างไรให้คนไม่ติดหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น หนี้ภาครัฐ 90% ต่อจีดีพี การกู้มากระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้มันจะทําให้ความมั่นใจของประเทศน้อยลดลงหรือไม่ ความเชื่อมั่นของประเทศน้อยลงหรือไม่ จะทําให้กระทบค่าเงินอัตราแลกเปลี่ยนในวงกว้างหรือไม่ คงต้องปรึกษานักเศรษฐศาสตร์เช่นกัน

"เทรนด์การใช้เงินดิจิทัลในไทยมาแน่ เพราะประเทศอื่นๆก็ใช้แทนเงินสด อย่าง จีน ทุกคนใช้ดิจิทัลวอลเล็ตกันหมด ไม่มีใครใช้เงินกระดาษ แต่มีสิ่งที่ต้องกังวลนั่นก็คือ การนํามาใช้ที่จะต้องค่อยๆเริ่มทีละเฟส แม้มันคือการปรับเปลี่ยนก็จริง เพียงแต่ก็คงต้องค่อยๆเริ่มใช้ไปทีละขั้นตอน ต้องทยอยปรับเปลี่ยน อย่าเพิ่งทําแบบรวดเร็ว"

จับเทรนด์ AI-บล็อกเชน ชิงเม็ดเงิน 2 ล้านล้านดอลล์

ถามว่า เงินดิจิทัลช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้มากน้อยแค่ไหนนั้น คงต้องถามทางรัฐบาล เพียงแต่ไทยต้องเปลี่ยนโครงสร้าง เพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจอัดฉีดเงินอย่างเดียวไม่พอ ต้องเปลี่ยนโครงสร้างทางธุรกิจ ต้องทําธุรกิจใหม่ๆที่อยู่ในเทรนด์โลกมากยิ่งขึ้น

เพราะหากยังเป็นธุรกิจเก่าไม่เติบโต ไม่พรีเมียม ต้องเป็น smart factory ทั้งหมด โรงงานต่างๆต้องเป็น smart factory การนำบล็อกเชน AI บิ๊กดาต้า ฯลฯ เข้ามาใช้ ไม่อย่างงั้นโครงสร้างจะไม่สามารถโตต่อไปได้

ดังนั้นพรีเมี่ยมของไทย ก็คืออะไรที่เกี่ยวกับ AI ให้ลุยธุรกิจไปทางนั้นจะช่วยให้ดึงเม็ดเงินเข้ามาได้มากขึ้น คาดในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีเม็ดเงินดิจิทัลเข้ามาในอาเซียนราว  2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนไทยจะสามารถฉกฉวยโอกาสครั้งนี้ ดึงเงินเข้ามาในประเทศได้มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับความสามารถ ถ้าปรับเปลี่ยนได้เร็วยังพอมีโอกาส เพราะคู่แข่งของไทยคือ เวียดนาม , ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย ฯลฯ ถือว่าเป็นดาวเด่นในอาเซียน

"ฝากถึงรัฐบาล ผมอยากให้ภาครัฐ ภาคเอกชนมาคุยกัน มันถึงเวลาแล้วที่ภาครัฐทําโมเดลไม่ได้ ภาคเอกชนทําคนเดียวไม่ได้ แต่เราต้องร่วมกันเปลี่ยนประเทศไทยไปด้วยกัน มันต้องมีการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public-Private Partnership หรือ PPP) เพื่อช่วยกันเปลี่ยน เพราะต้องใช้เงินลงทุนเยอะมาก ต้องใช้คนเก่งๆเยอะมากในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐาน อยากให้เข้ามาพูดคุยได้ในงานวันที่ 25-26 ตุลาคมนี้"

จัดเต็ม! BITKUB SUMMIT 2025

งาน BITKUB SUMMIT 2025 ภายใต้แนวคิด “Gateway to the Future: เปิดประตูเทคโนโลยีและการลงทุนสู่โลกอนาคต” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-26 ตุลาคม 2568 โดยมุ่งหวังให้เป็นเวทีสำคัญที่ส่งต่อโอกาสทางความรู้และอินไซต์สำคัญจากนักธุรกิจ นักลงทุน และผู้นำในแต่ละวงการ เพื่อเป็นพื้นที่ที่คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงความรู้และโอกาสใหม่ๆนี้ได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

ในปีนี้ BITKUB จัดใหญ่กว่าทุกปี ครอบคลุม 3 ประเด็นหลักที่เป็นวิกฤตสำคัญที่คนไทยจำเป็นต้องรู้ ประเด็นแรก คือ "ความรู้ด้านการเงิน (Financial Literacy)" นำเสนอความรู้ความเข้าใจทางการเงิน พร้อมแนวโน้มและโอกาสการลงทุนในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ทั้งในตลาดทุน สินทรัพย์ดิจิทัล และการลงทุนทางเลือกรูปแบบต่างๆ

ต่อมา คือ "เทคโนโลยี (Digital Literacy)" สร้างความรู้ความเข้าใจในด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี เจาะลึกนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงโลกธุรกิจและชีวิตประจำวัน

ท้ายที่สุด คือ "การดูแลสุขภาพเพื่อการมีชีวิตที่ยืนยาว (Longevity)" แนวโน้มเทคโนโลยีและการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการยืดอายุขัยและคุณภาพชีวิตที่ดี

"หลังจากความสำเร็จในปีที่แล้วของ BITKUB SUMMIT 2024 ที่มีผู้เข้าร่วมงานมากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมงานกว่า 20,000 คน พร้อมด้วยวิทยากรจากหลากหลายวงการกว่า 60 คนใน 20 หัวข้อสัมมนาและได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้ปีนี้ 2025 ตั้งใจยกระดับการจัดงานให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ด้วยพื้นที่จัดงานที่ใหญ่ขึ้น 2 เท่าและเนื้อหาที่ครอบคลุมเทรนด์แห่งอนาคตมากขึ้น ตั้งเป้ามีผู้เข้าร่วมงานกว่า 50,000 คน และดูทางออนไลน์มากกว่า 100 ล้านวิว จากปีที่ผ่านมา มีผู้ร่วมงานกว่า 22,000 คน ดูออนไลน์มากกว่า 70 ล้านวิว ลงทะเบียนเข้ามารับความรู้แบบฟรีๆได้"