KTB กำไรไตรมาสแรก 11,714 ล้าน โต 0.3% รายได้เพิ่ม-ค่าใช้จ่ายลด
KTB ไตรมาส 1/68 กำไรสุทธิ 11,714 ล้านบาท โต 0.3% จากการขยายตัวของรายได้ผลิตภัณฑ์บริหารความเสี่ยงทางการเงิน การลงทุน และกำไรจากเงินลงทุน-บริหารค่าใช้จ่ายมีประสิทธิภาพ
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2568 ธนาคารดำเนินการตามยุทธศาสตร์ มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน บริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างระมัดระวัง และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รักษา Coverage Ratio ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องที่ 187.7% เพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
โดยกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร 11,714 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567 จากการขยายตัวของรายได้ผลิตภัณฑ์บริหารความเสี่ยงทางการเงิน การลงทุน และกำไรจากเงินลงทุน
ขณะเดียวกัน ธนาคารบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมี Cost to Income ratio เท่ากับ 40.4% ธนาคารมีการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในระดับที่เหมาะสมและพอเพียง ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
โดยมีสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ดีที่ 95,017 ล้านบาท และมี NPL Ratio อยู่ที่ 2.97% ลดลงจาก 2.99% จากสิ้นปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการ Portfolio ได้อย่างสมดุลท่ามกลางสถานการณ์ที่ผันผวน
เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2567 กำไรส่วนที่เป็นของธนาคารเพิ่มขึ้น 6.6% รายได้ขยายตัวจากผลิตภัณฑ์บริหารความเสี่ยงทางการเงิน การลงทุน และกำไรจากเงินลงทุนซึ่งสะท้อนสภาวะตลาด โดยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานลดลง 6.5% จากการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายโดยรวมอย่างมีประสิทธิภาพและบางส่วนจากการลดลงของค่าใช้จ่ายตามฤดูกาล
ณ วันที่ 31 มี.ค.2568 ธนาคาร (งบการเงินเฉพาะธนาคาร) มีเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ 18.17% ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง และมีเงินกองทุนทั้งสิ้น 21.14% ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยงซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมถึงมีสภาพคล่องในระดับที่เพียงพอโดยรักษาระดับของ Liquidity Coverage ratio (LCR) อย่างต่อเนื่อง สูงกว่าเกณฑ์ที่ธปท.กำหนด
ทั้งนี้ ในปี 2568 ธนาคารมุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กร ภายใต้แนวคิด “Corporate Value Creation เสริมทักษะ สร้างคุณค่า สู่อนาคต” เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ผ่าน 5 ยุทธศาสตร์หลัก ที่มุ่งเน้นการเพิ่มรายได้ ลดต้นทุน บริหารจัดการความเสี่ยงจากคุณภาพสินเชื่อ เพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพของพนักงานซึ่งเป็นหัวใจขององค์กร
ประกอบด้วย การสร้าง Value ใน 5 ระบบนิเวศที่มุ่งเน้นได้อย่างเต็มศักยภาพ ต่อยอดแพลตฟอร์มเดิมและการเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ที่จะสร้างการเติบโตในอนาคต การยกระดับวิธีการเข้าถึงและการบริการลูกค้า
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไอทีและเทคโนโลยีแห่งอนาคต และการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร เพื่อสร้างรูปแบบใหม่ในการทำงาน ให้มีความพร้อมตอบโจทย์ สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสมและคุ้มค่า เพื่อสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน รวมทั้งการมีผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้ต่อเนื่องอย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต
นายผยง กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 มีความท้าทายรอบด้านที่รุนแรงขึ้นมาก โดยเฉพาะสงครามการค้าระลอกใหม่ที่ยกระดับขึ้น หลังสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าจากประเทศคู่ค้าทั่วโลกรวมทั้งไทย กระทบโดยตรงต่อภาคการส่งออก และได้รับผลกระทบทางอ้อมจากสินค้าจีนที่จะทะลักเข้ามาตีตลาดไทยมากขึ้น ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังคงมีความเปราะบางจากปัญหาเชิงโครงสร้าง หนี้ครัวเรือนและเศรษฐกิจนอกระบบที่อยู่ในระดับสูง ธุรกิจ SME มีข้อจำกัดในการปรับตัว รวมถึงผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยว ยังคงเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อีกทั้งมีแรงสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐ ทั้งมาตรการลดค่าครองชีพ และมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคที่จะมีเพิ่มเติมในระยะข้างหน้า
ธนาคารดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวังและรอบคอบ เตรียมพร้อมรับมือความไม่แน่นอน โดยให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มให้สามารถปรับตัวเดินหน้าต่อ และสร้างโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ พร้อมสนับสนุนนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด ได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวอย่างเร่งด่วน เพิ่มเติมจากมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมและร่วมขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ผ่านโครงการ “คุณสู้ เราช่วย”
โครงการสินเชื่อรวมหนี้ข้าราชการยั่งยืน สินเชื่อกรุงไทยรวมหนี้ (ภาคประชาชน) และสินเชื่อกรุงไทยบ้านแลกเงิน ที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ลดภาระทางการเงิน เสริมสภาพคล่องการทำธุรกิจและเพิ่มความคล่องตัวในการดำรงชีพ ตามแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ของธนาคารแห่งประเทศไทย