"SMEs-เช่าซื้อ" ฉุดสินเชื่อแบงก์ไตรมาส 4/67 หดตัว 0.4%
สินเชื่อแบงก์ ไตรมาส4/67 หดตัว 0.4% ชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า ผลจากสินเชื่อธุรกิจ SMEs - สินเชื่ออุปโภคบริโภค เช่าซื้อ หดตัวต่อเนื่อง ส่งผลสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ลดลง
นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมธนาคารพาณิชย์ ไตรมาส 4 ปี 2567 พบว่า สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ (รวมเครือ) หดตัวที่ 0.4% จากระยะเดียวกันปีก่อน ซึ่งหดตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่หดตัว 2.0%
หลักๆ มาจากสินเชื่อธุรกิจ SME หดตัวลดลง และสินเชื่ออุปโภคบริโภคหดตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยเชิงโครงสร้างและรายได้กลุ่มเปราะบางที่ฟื้นตัวช้า ขณะที่สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ขยายตัว
ภาพรวมสินเชื่อหดตัวลดลง ขณะที่การระดมทุนผ่านตราสารหนี้หดตัวต่อเนื่องเช่นกัน ตามความต้องการที่ลดลง โดยหดตัวในเกือบทุกประเภทธุรกิจ (ยกเว้น สาธารณูปโภค) โดยเฉพาะในกลุ่ม high yield ที่มีความเสี่ยงสูง
นางสาวสุวรรณี กล่าวต่อว่าด้านคุณภาพสินเชื่อ ปริมาณสินเชื่อ Stage 3 และ NPL ratio ปรับลดลงในเกือบทุกพอร์ต โดยหลักๆ มาจากสินเชื่อธุรกิจจากการบริหารจัดการคุณภาพหนี้ และลูกหนี้บางส่วนสามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไข
การปรับโครงสร้างหนี้ทำให้ปรับชั้นดีขึ้นมาอยู่ที่ Stage 2 ประกอบกับมีการจัดชั้นเชิงคุณภาพของสินเชื่อธุรกิจ ส่งผลให้สินเชื่อ Stage 2 ปรับเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ยอดคงค้างสินเชื่อ NPL ไตรมาส 4 ปี 2567 ปรับลดลงมาอยู่ที่ 5.521 แสนล้านบาท ส่งผลให้สัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมปรับลดลงมาอยู่ที่ 2.78%
โดยหลักจากสินเชื่อธุรกิจซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการบริหารจัดการคุณภาพหนี้และการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่องของธนาคารพาณิชย์รวมทั้งลูกหนี้บางส่วนสามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไขการปรับโครงสร้างหนี้ ทำให้ปรับชั้นดีขึ้นมาอยู่ที่ Stage 2 ประกอบกับมีการจัดชั้นเชิงคุณภาพของสินเชื่อธุรกิจ ส่งผลให้สินเชื่อ stage 2 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6.98%
“ผลการดำเนินงาน ปี 2567 ปรับดีขึ้นจากปีก่อน จากทั้งรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยตามการวัดมูลค่าตราสารทางการเงินเป็นสำคัญ และรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ประกอบกับค่าใช้จ่ายสำรองลดลงจากการตั้งสำรองสูงในปีก่อน”
อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามความสามารถในการชำระหนี้ของธุรกิจ SMEs และครัวเรือนบางกลุ่ม ที่รายได้ฟื้นตัวช้าและมีภาระหนี้สูง รวมถึงธุรกิจในกลุ่มที่เผชิญปัญหาเชิงโครงสร้าง และความสามารถ ในการแข่งขันปรับลดลง ตลอดจนติดตามผลสำเร็จของการให้ความช่วยเหลือภายใต้โครงการคุณสู้เราช่วย
ทั้งนี้ สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ไตรมาส 3 ปี 2567 ปรับลดลงจากไตรมาสก่อน จากสินเชื่อภาคครัวเรือนที่ขยายตัวชะลอลง โดยยังต้องติดตามความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ กลุ่มเปราะบาง
ขณะที่ภาคธุรกิจมีสัดส่วนหนี้สินต่อ GDP ปรับลดลงตามการหดตัวของสินเชื่อและตราสารหนี้ ด้านความสามารถในการทำกำไรโดยรวมลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะภาคการผลิต แม้จะมีปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยว


