TISCO แจ้งผลประกอบการไตรมาส 3/67 กำไรสุทธิ 1,713 ล้าน ลดลง 8.6%
TISCO แจ้งงบไตรมาส 3/67 กำไรสุทธิ 1,713 ล้านบาท ลดลง 8.6% ฉุด 9 เดือนแรก กำไรสุทธิลดลง 5.8% อยู่ที่ 5,199 ล้านบาท เหตุตั้งสำรองทางเครดิตสูงขึ้น
นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ กลุ่มทิสโก้มีกำไรสุทธิ 5,199 ล้านบาท ลดลง 5.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยงวดไตรมาส 3/2567 มีกำไรสุทธิ 1,713 ล้านบาท ลดลง 8.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ สาเหตุจากการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss - ECL) เพื่อรองรับความเสี่ยงจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า และหนี้ครัวเรือนที่ทรงตัวในระดับสูง ซึ่งถือเป็นไปตามกลยุทธ์ที่วางไว้ขององค์กร นั่นคือ การมุ่งเน้นคุณภาพในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ และดำเนินนโยบายการบริหารจัดการความเสี่ยงด้วยหลักความระมัดระวัง (Prudent) อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงรักษาความสามารถในการสร้างอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (ROAE) ใน 9 เดือนแรกของปีนี้ ที่ 16.5%
ในส่วนของธุรกิจหลัก กลุ่มทิสโก้ มีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจให้สอดรับกับความเสี่ยงจากปัจจัยทางเศรษฐกิจที่มีอยู่รอบด้านให้มีความรัดกุมยิ่งขึ้น สะท้อนจากตัวเลขสินเชื่อรวม ณ วันที่ 30 ก.ย.2567 มีจำนวน 229,948 ล้านบาท ลดลง 2.1% จากสิ้นปีที่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อรถใหม่ ซึ่งได้รับผลกระทบจากยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ลดลงมากกว่าคาด และการเพิ่มความเข้มงวดในการประเมินสินเชื่อ ในขณะที่สินเชื่อที่มีอัตราผลตอบแทนสูงยังคงเติบโต ประกอบด้วยสินเชื่อจำนำทะเบียน สินเชื่อเช่าซื้อรถมือสอง และสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังสามารถควบคุมการเพิ่มขึ้นของหนี้ด้อยคุณภาพ (NPLs) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย NPLs ในไตรมาสนี้ ทรงตัวจากไตรมาสก่อนที่ระดับ 2.4% ด้วยกระบวนการติดตามดูแลลูกหนี้อย่างใกล้ชิด และการบริหารจัดการสินเชื่อในเชิงรุก ทั้งนี้ ระดับค่าเผื่อสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Coverage Ratio) อยู่ที่ 159.1% ขณะที่ต้นทุนทางการเงินแม้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน แต่เริ่มเห็นสัญญาณเข้าใกล้ระดับสูงสุด ตามทิศทางดอกเบี้ยนโยบายที่มีแนวโน้มปรับลดลงในอนาคต
ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมฟื้นตัวได้ดีขึ้น โดยเฉพาะจากธุรกิจตลาดทุน โดยธุรกิจหลักทรัพย์เติบโตได้อย่างดี จากความสามารถในการขยาย Market Share ของ บล.ทิสโก้ และการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยหลังการเปิดตัวกองทุนวายุภักษ์และการให้การสนับสนุนการลงทุนระยะยาวผ่านกองทุน ESG ทำให้มีเงินทุนไหลกลับเข้าสู่ตลาดทุนไทยในช่วงสิ้นไตรมาส ส่วนธุรกิจจัดการกองทุนขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากการเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ทำให้ บลจ.ทิสโก้ สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงแม้ในช่วงที่ภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย
ธนาคารทิสโก้ยังคงรักษาระดับฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง โดยมีประมาณการอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ที่ 20.9% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 11.0% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และมีอัตราเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 18.9% และ 2.0% ตามลำดับ
นายศักดิ์ชัย กล่าวว่า มองไปในระยะข้างหน้า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป นำโดยภาคการส่งออกสินค้าที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ การผลิตภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนภาคเอกชนที่เริ่มฟื้นตัว แต่ต้องจับตาความท้าทายเรื่องหนี้ครัวเรือนอย่างใกล้ชิด จากปัญหาหนี้สะสมและรายได้ของประชาชนที่โตช้า และการด้อยลงของคุณภาพสินเชื่อ รวมถึงผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมที่ทำให้เกิดความยากลำบากต่อประชาชนในพื้นที่ยิ่งขึ้นไปอีก อย่างไรก็ดี คาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ระดับ 2.8%
ทั้งนี้ กลุ่มทิสโก้จะมุ่งดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบรัดกุม โดยเน้น “คุณภาพในการเติบโต” ผนวกกับการใช้ความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการความเสี่ยง เพื่อสร้างเสถียรภาพและการเติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่องค์กร รวมถึงดูแลผู้มีส่วนได้เสียในทุกมิติภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่ดี โดยเฉพาะในมิติของการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากการเติบโตที่ยังไม่ทั่วถึงทางเศรษฐกิจและสถานการณ์น้ำท่วม ผ่านการนำเสนอมาตรการช่วยเหลือตามแนวทางการปล่อยสินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม ที่เปิดโอกาสให้ลูกหนี้ปรับโครงสร้างหนี้ได้ตามความสามารถในการชำระหนี้ (Pre-emptive Debt Restructuring)
ขณะที่อีกด้านจะเดินหน้ายกระดับความเป็นอยู่และสร้างคุณภาพชีวิตทางการเงินที่ดี (Financial for Well-being) แก่สังคมในระยะยาว ผ่านโครงการและกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นเป็นประจำ อาทิ กิจกรรมฉลาดเก็บฉลาดใช้ รู้ไว้เข้าใจหนี้ ชมรมค่ายการเงินธนาคารทิสโก้ รวมถึงกิจกรรมใหม่อย่าง Smart HR Fin Coach ที่จัดขึ้นเพื่อติวเข้มเรื่องเงินแก่บริษัทนายจ้างสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทิสโก้ ทั้งหมดนี้ เพื่อช่วยให้คนไทย “ปลดหนี้มีออม"
นอกจากนี้ กลุ่มทิสโก้ยังมีการปรับปรุงกระบวนการการทำงานเพื่อให้ทันต่อยุคดิจิทัล โดยนำเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลที่จะช่วยให้สามารถคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่จะตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมไปถึงสร้างความมั่งคั่งอย่างมั่นคงให้แก่ลูกค้า ในฐานะ “Your Trusted Financial Advisor” สถาบันการเงินที่คุณเชื่อมั่นไว้วางใจได้


