กรมเจรจาฯ เผย ติมอร์-เลสเต เปิดรับสินค้าให้ไทย แลกขอสนับสนุเป็นสมาชิก WTO
กรมเจรจาฯ เ เผยล่าสุด ติมอร์-เลสเต ลดเลิกภาษีนำเข้าสินค้าไทย เพื่อแลกกับการสนับสนุนเข้าเป็นสมาชิก WTO คาดเข้าเป็นสมาชิก WTO โดยสมบูรณ์ภายในต้นปี 2567
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงผลการเจรจาเปิดตลาดของติมอร์-เลสเต ระดับทวิภาคี ในการสมัครเข้าเป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลก (WTO) ของติมอร์-เลสเตสำเร็จแล้ว เมื่อวันที่ 18 เมษายน ที่ผ่านมา ณ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ด้านฝ่ายไทย นำโดยเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำ WTO และองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (นางพิมพ์ชนก พิตต์ฟีลด์) และฝ่ายติมอร์-เลสเต นำโดยรัฐมนตรีประสานงานการเศรษฐกิจและหัวหน้าคณะเจรจาการภาคยานุวัติเข้าเป็oสมาชิก WTO (นาย Joaquim Amaral) โดยติมอร์-เลสเต ยอมที่จะเปิดตลาดลดเลิกภาษีศุลกากรที่เก็บกับสินค้าส่งออกหลายรายการของไทยตามที่ไทยร้องขอแล้ว
สำหรับผลการเจรจาสุดท้ายในภาพรวม ที่ติมอร์-เลสเตชจะเปิดตลาดให้สมาชิก WTO จะเป็นอย่างไร ต้องรอสรุปผลหลังจากที่ติมอร์-เลสเต สามารถปิดการหารือการเปิดตลาดกับสมาชิก WTO ที่แสดงความจำนงขอเจรจาเปิดตลาดในระดับทวิภาคี
โดยล่าสุด ติมอร์-เลสเต สามารถสรุปผลหารือทวิภาคีกับฟิลิปปินส์ แคนาดา นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และสหภาพยุโรปได้แล้ว และอยู่ระหว่างหารือทวิภาคีกับอินโดนีเซียและสหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตาม เมื่อติมอร์-เลสเต จบการเจรจาเปิดตลาดระดับสองฝ่ายกับสมาชิก WTO ที่สนใจแล้ว จะต้องแจ้งข้อผูกพันการเปิดตลาดในภาพรวมกับ WTO โดยการลดหรือยกเลิกภาษีศุลกากรที่จะเก็บกับสินค้าส่งออกของสมาชิก WTO จะต้องเป็นอัตราเดียวกัน
โดย ติมอร์-เลสเต ตั้งเป้าจะจบการเจรจาทวิภาคีกับสมาชิก WTO ให้เสร็จ เพื่อสามารถจบกระบวนการเข้าเป็นสมาชิก WTO โดยสมบูรณ์ ภายในการประชุมรัฐมนตรี WTO (Ministerial Conference: MC) ครั้งที่ 13 ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 โดยจะครบ 10 ปี ที่ติมอร์-เลสเต แสดงความสนใจสมัครเข้าเป็นสมาชิก WTO เมื่อปี 2558
ทั้งนี้ ไม่เพียงการเปิดตลาดสินค้าที่ติมอร์-เลสเต จะต้องผูกพันให้สมาชิก WTO แล้ว แต่ยังต้องผูกพันที่จะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์การค้าต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ในความตกลง WTO อาทิ การลดเลิกการอุดหนุนสินค้าเกษตร กฎระเบียบด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช กฎระเบียบทางเทคนิคที่เกี่ยวกับการค้า และมาตรการเยียวยาทางการค้า
นอกจากนี้ ติมอร์-เลสเต มีแผนจะเดินหน้าพัฒนาประเทศให้เป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางในระดับสูง (Upper Middle-Income) ภายในปี 2573 และให้ความสำคัญกับภาคการท่องเที่ยว และภาคการเกษตร โดยเฉพาะกาแฟ ประมง และอุตสาหกรรมแปรรูป ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นสาขาที่ไทยมีศักยภาพ จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะขยายการค้าการลงทุนไปยังติมอร์-เลสเตได้อีกด้วย” นางอรมน เสริม
ทั้งนี้ ติมอร์-เลสเต เป็นคู่ค้าอันดับที่ 10 ของไทยในอาเซียน และไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 4 ของติมอร์–เลสเต ในอาเซียน โดยในปี 2565 การค้าระหว่างสองประเทศมีมูลค่า 14.87 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 32.11% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
สำหรับสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ข้าว ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และสินค้าเกษตรกรรม ส่วนสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดิบ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากโลหะกระดาษและเศษกระดาษ และเครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ


