posttoday

ปี 65 ธนาคารพาณิชย์ไทยผลดำเนินงานดีขึ้น แต่ยังจับตาหนี้กลุ่มเปราะบาง

20 กุมภาพันธ์ 2566

แบงก์ชาติ เผยผลการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ไทยปี 65 ดีขึ้นกว่า 64 ทั้งกำไรสุทธิ รายได้จากดอกเบี้ยและไม่ใช่ดอกเบี้ย แต่ยังต้องจับตามคุณภาพหนี้กลุ่มเปราะบาง

นางสาวสุวรรณี  เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 1 เปิดเผยถึงภาพรวมของระบบธนาคารพาณิชย์ไทย ว่า​ระบบธนาคารพาณิชย์มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ โดยมีเงินกองทุน เงินสำรอง และสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง สามารถทำหน้าที่สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง


โดยมี เงินกองทุน (BIS ratio) ณ ไตรมาส 4 ของปี 2565 ที่ 19.4% สภาพคล่อง (Liquidity coverage ratio: LCR) ที่ 197.3% และ เงินสำรอง (NPL coverage ratio) ที่ 171.9% เพิ่มขึ้นจาก ไตรมาส 3 ของปี 2565 ที่ 19.2% 186.5% และ 171.6% ตามลำดับ 

 

ปี 65 ธนาคารพาณิชย์ไทยผลดำเนินงานดีขึ้น แต่ยังจับตาหนี้กลุ่มเปราะบาง

 

สำหรับตัวเลขสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ใน ปี 2565 ขยายตัวที่ 2.1% ชะลอลงจากปีก่อน จากการชำระคืนหนี้ของธุรกิจขนาดใหญ่ ภาครัฐ และสินเชื่อ Soft loan รวมทั้งการโอนพอร์ตรายย่อยไปยังบริษัทลูกของ ธพ. แห่งหนึ่ง และการบริหารจัดการคุณภาพหนี้ อย่างไรก็ดีสินเชื่อยังขยายตัวได้จากธุรกิจรายใหญ่ในภาคพาณิชย์และสินเชื่อรายย่อยพอร์ตที่อยู่อาศัยและส่วนบุคคลเป็นสำคัญ 

 

ด้านคุณภาพสินเชื่อ ธนาคารพาณิชย์ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่องด้วยการปรับโครงสร้างหนี้และบริหารจัดการคุณภาพหนี้ ส่งผลให้ยอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Non Performing Loan: NPL หรือ stage 3) ณ สิ้นปี 2565 ลดลงมาอยู่ที่ราว 4.99 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมที่ 2.73%

 

สำหรับผลการดำเนินงานปี 2565 ปรับดีขึ้นจากปีก่อน โดยหลักเป็นผลจากการขยายตัวของสินเชื่อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่ทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับเพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าใช้จ่ายสำรองลดลง หลังจากที่ธนาคารพาณิชย์ได้ทยอยกันสำรองในระดับสูงตลอดช่วง COVID-19 

 

โดยทั้งระบบมีกำไรสุทธิรวมในปี 2565 ที่ 2.36 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 5.77 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่ 2.54 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 

ปี 65 ธนาคารพาณิชย์ไทยผลดำเนินงานดีขึ้น แต่ยังจับตาหนี้กลุ่มเปราะบาง

 

อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนและการฟื้นตัวของธุรกิจบางกลุ่ม โดยภาคครัวเรือน แม้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP จะปรับลดลงตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

 

ด้วยครัวเรือนยังคงเปราะบางจากภาระหนี้สูง และยังต้องติดตามคุณภาพสินเชื่อของลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง ที่ยังไม่ฟื้นตัวจากผลกระทบ COVID-19 และอาจได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพและดอกเบี้ยที่ทยอยปรับสูงขึ้น 

 

ขณะที่ภาคธุรกิจ สัดส่วนหนี้ภาคธุรกิจต่อ GDP ปรับลดลงจากไตรมาสก่อนแ ละความสามารถในการทำกำไรโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ยังต้องติดตามฐานะการเงินของภาคธุรกิจ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาสถาบันการเงินยังให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของกลุ่มเปราะบาง

 


 

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด อาร์เซน่อล พบ คริสตัล พาเลซ คาราบาวคัพ วันนี้