ปตท.หวังขึ้นฮับไบโอเอเชีย
ผนึกมิตซูฯเปิดรง.พลาสติกชีวภาพเตรียมที่1,500ไร่รอท่าขยายเพิ่ม
ผนึกมิตซูฯเปิดรง.พลาสติกชีวภาพเตรียมที่1,500ไร่รอท่าขยายเพิ่ม
ปตท.จับมือมิตซูฯ ญี่ปุ่น ทุ่มงบ 7,000 ล้าน ตั้งบริษัทร่วมทุนผลิตพลาสติกชีวภาพจากน้ำตาลรายแรกของโลก หวังดันไทยขึ้นไบโอฮับเอเชีย
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมทุนกับบริษัท มิตซูบิชิ เคมิคอล คอร์ปอเรชั่น จากประเทศญี่ปุ่น ผู้นำธุรกิจในอุตสาหกรรมเคมีและมีเทคโนโลยีการผลิตพลาสติกชีวภาพระดับโลก จัดตั้งบริษัท พีทีที เอ็มซีซี ไบโอเคม ขึ้นโดยถือหุ้นสัดส่วน 50% เท่ากัน
ทั้งนี้ การจัดตั้งบริษัทดังกล่าว เพื่อพัฒนาโครงการผลิตสารตั้งต้น Bio-Succinic Acid (BSA) และโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพชนิด Polybutylene Succinate (PBS) โดยใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ คือ น้ำตาล ใช้งบประมาณลงทุน 7,000 ล้านบาท
โรงงานดังกล่าวตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเอเซีย จ.ระยอง รวมพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ โดย ปตท. ยังมีที่ดินในนิคมดังกล่าวเหลืออีก 1,500 ไร่ เพื่อต่อยอดขยายโครงการในอนาคต โดยโรงงานแห่งนี้จะเริ่มก่อสร้างในปี 2555 และคาดว่าจะสามารถดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในปลายปี 2557 โดยมีกำลังการผลิตสารตั้งต้น BSA จะอยู่ที่ราว 3.6 หมื่นตันต่อปี และผลิตพลาสติกชีวภาพชนิด PBS ราว 2 หมื่นตันต่อปี เน้นส่งออก 90% ทำตลาดในไทย 10%
ดังนั้น ที่สำคัญคือการลงทุนครั้งนี้จะเป็นส่วนสำคัญทำให้ ปตท.และไทยก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตพลาสติกชีวภาพไบโอฮับของเอเชียในอนาคตอันใกล้
“การร่วมทุนกับมิตซูบิชิ เคมิคอล เพื่อจัดตั้งบริษัท พีทีที เอ็มซีซี ไบโอเคม จะส่งเสริมให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพได้แบบครบวงจร ตั้งแต่การผลิตสารตั้งต้น เม็ดพลาสติก จนถึงพลาสติกสำเร็จรูป โดยไม่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้ช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกไทยพัฒนาไปไกลยิ่งขึ้น” นายประเสริฐ กล่าว
ด้านนายปรัชญา ภิญญาวัธน์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย ปตท. กล่าวว่า การทำตลาดในระยะแรกสำหรับกลุ่มลูกค้าหลักของพลาสติกชีวภาพ จะเน้นไปยังกลุ่มตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะลูกค้าในประเทศกลุ่มยุโรป สหรัฐอเมริกา เป็นหลัก
ปัจจุบันยังพบว่า แนวโน้มความต้องการใช้พลาสติกชีวภาพเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 25% ต่อปี โดยในปี 2553 มีความต้องการใช้พลาสติกชีวภาพทั่วโลกอยู่ที่ 2 แสนตันต่อปี และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.2 ล้านตัน ภายในปี 2563


