อังกฤษเล็งลงทุนไทยผุดรง.รีไซเคิลฝุ่นแดง

อังกฤษสนตั้งโรงงานรีไซเคิลฝุ่นแดงในไทย เล็งหาคู่ค้า พันธมิตร

กรมโรงงานอุตสาหกรรม รายงานว่า นักลงทุนจากประเทศอังกฤษแสดงความสนใจเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานรีไซเคิลฝุ่นจากเตาหลอมเหล็ก หรือฝุ่นแดงในประเทศไทย โดยได้เข้ามาพบกับกรมเพื่อสอบถามข้อมูล และจะเดินสายพบหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เป็นต้น และหาคู่สัญญากับโรงงานหลอมเหล็กในไทยเพื่อรับซื้อฝุ่นแดง

ปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนสนใจ เนื่องจากเห็นว่าไทยใช้เหล็กมากเป็นแหล่งวัตถุดิบฝุ่นแดง มี 7 หมื่นถึง 1 แสนตันต่อปี ซึ่งออกมาจากโรงหลอมเหล็ก และผู้ประกอบการส่วนใหญ่ส่งออกฝุ่นแดงไปขายยังจีน

การเข้ามาตั้งโรงงานรีไซเคิลในเมืองไทยจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับฝุ่นแดง เพราะปกติโรงงานจะส่งออกฝุ่นแดงไปขายในรูปแบบกากของเสียราคาถูก แต่เมื่อนำมาผ่านกระบวนการรีไซเคิลจะได้เป็นแร่โลหะ เช่น เหล็ก และสังกะสีกึ่งสำเร็จรูป

ผลจากการตั้งโรงงานยังช่วยลดนำเข้าสังกะสีได้ โดยการรีไซเคิลฝุ่นแดง 1 แสนตัน จะช่วยทดแทนนำเข้าสังกะสีได้ 2025% ผลผลิตโลหะกึ่งสำเร็จรูปที่ผลิตออกมาได้อาจจะขายให้แก่โรงถลุงสังกะสีในไทยหรือส่งออก และช่วยให้ราคารับซื้อฝุ่นแดงในประเทศขยับตัวขึ้นจากปัจจุบัน 10 เหรียญสหรัฐต่อตัน

เทคโนโลยีการผลิตที่จะนำมาใช้ เอกชนยืนยันเป็นเทคโนโลยีใหม่ ไม่ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยมีประสบการณ์เข้าไปลงทุนที่เกาหลีใต้แล้วทางนักลงทุนให้ความมั่นใจว่าเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ ไม่ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างแน่นอน โดยก่อนหน้านี้ได้ไปลงทุนโรงงานรีไซเคิลฝุ่นแดงที่ประเทศเกาหลีอยู่แล้ว และสนใจที่จะเข้ามาในประเทศต่อ ซึ่งคาดว่าจะจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมเหมือนที่ผ่านมา

**อย่างไรก็ตาม สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้และแนวทางบริหารฝุ่นแดงเช่นเดียวกัน มีแนวทางจะจัดตั้งโรงงานรีไซเคิล โดยให้ผู้ประกอบการกลุ่มเหล็กเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายมูลค่ารวม 3040 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสถาบันเหล็กฯ เป็นหน่วยงานกำกับการบริหาร การดูแลสิ่งแวดล้อม และการขนย้ายตามขั้นตอนกฎหมาย

**ปัจจุบันประเทศไทยมีฝุ่นแดง 7.17 หมื่นตันต่อปี จากโรงหลอมเหล็กทั้งหมด 14 โรงงานทั่วประเทศ ดังนั้น จะมีปริมาณสังกะสีในฝุ่นแดงอย่างน้อย 2 หมื่นตันต่อปี ซึ่งในกระบวนการรีไซเคิลด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสมจะสามารถแยกสังกะสีได้ 1.9 หมื่นตันต่อปี หรือคิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 40 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี หรือประมาณ 1,200 ล้านบาท คำนวณจากราคาสังกะสี 2,214.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ